ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้ฟื้นตัว แต่จะยังผันผวนอยู่
ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันจันทร์ รีบาวด์ แต่จะยังผันผวนอยู่… หลังจากเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตลาดหุ้นไทยปรับลงแรงกว่าที่เราประเมิน ตามความกังวลเรื่องคุณภาพสินทรัพย์ (asset quality) ที่กลับมาอีกครั้ง หลังจาก KBANK รายงานงบไตรมาส 4/65 ต่ำกว่าคาดมาก กระตุ้นแรงขายจากทั้งฝั่งต่างชาติและสถาบันฯ… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยต่างประเทศเป็นบวกมากขึ้น กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวขึ้น สะท้อนตัวเลขยอดขายบ้านมือสอง ธ.ค. 65 ที่ดีกว่าที่ตลาดคาด ผนวกกับความเห็นของคณะผู้ว่าการเฟด Christopher Waller ที่ว่าระดับของดอกเบี้ยสหรัฐฯ ณ ปัจจุบันน่าจะสูงเพียงพอจะควบคุมเงินเฟ้อแล้ว ทำให้ตลาดมั่นใจมากขึ้นว่าเฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% ในการประชุมวันที่ 1 ก.พ. ii) แนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในระยะสั้นยังดีอยู่ consensus คาดว่า GDP ไตรมาส 4/65 ของสหรัฐฯ ที่จะรายงานในวันที่ 26 ม.ค. นี้ จะเติบโต 2.6% QoQ และช่วยลดแรงกดดันเรื่องเศรษฐกิจสหรัฐฯ ถดถอย อย่างน้อยก็ในระยะสั้นๆ นี้… ด้านปัจจัยภายในประเทศ ในสัปดาห์นี้ กนง. จะมีการประชุมนโยบายการเงิน ซึ่งฝ่ายวิจัยฯ คาดว่า กนง. จะปรับเพิ่มดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ 1.50% แต่สำหรับประเด็นดังกล่าวนี้ไม่น่าจะมีผลต่อตลาดหุ้นไทยมากนัก
หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน เก็งกำไร TOP*, GLOBAL*, SHR
- TOP* (เป้าพื้นฐาน 69 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 57.5 บาท / แนวต้าน 59 บาท กรณี Break ผ่านแนว ต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสทดสอบกรอบแนวต้าน 62 – 63 บาท (Stop loss 56 บาท) 2) ประเมินค่าการกลั่นปรับตัวขึ้นมาก เป็นผลจากความต้องการใช้น้ำมันที่คาดจะเพิ่มขึ้นมากจากการที่จีนเปิดประเทศ โดยล่าสุด GRM สิงคโปร์อยู่ที่ 9.3 ดอลลาร์สหรัฐฯ/บาร์เรล (สูงกว่าค่าเฉลี่ย 4Q65 ที่ 6.4 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล) 3) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 1Q66 จะดีขึ้น QoQ เนื่องจากค่าการกลั่นที่เพิ่มสูงขึ้น ขณะที่ความเสี่ยงการขาดทุนสต๊อกน้ำมันลดลง (ราคาน้ำมันในไตรมาสนี้เริ่มทรงตัว) 4) PBV ยังต่ำที่ 0.84 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตราว 1.1 เท่า)
- GLOBAL* (เป้าพื้นฐาน 24.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 20.5 บาท / แนวต้าน 21.1 – 21.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ประเมินมีโอกาสฟื้นตัวทดสอบแนวต้าน 22.3 บาท (Stop loss 20.2 บาท) 2) ประเมินราคาหุ้นพักฐานจากการขายทำกำไร ขณะที่ฝ่ายวิจัยฯคาดอัตราการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (Same store sales growth: SSSG) จะฟื้นตัวเป็นบวกต่อเนื่องใน 4Q65 และเรา คาดแนวโน้มผลการดำเนินงาน 1H66 ได้แรงหนุนจาก i) อุตสาหกรรมอสังหาฯที่ฟื้นตัว ii) การ Renovate ของผู้ประกอบการฯ เพื่อรองรับการท่องเที่ยว iii) สาขาในต่างประเทศ รับอานิสงค์จากการ ฟื้นตัวของเศรษฐกิจในภูมิภาคอาเซียน 3) Forward PE 26 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราว 28 เท่า
- SHR (เป้าพื้นฐาน 6.1 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 4.32 บาท / แนวต้าน 4.5 – 4.6 บาท (Stop loss 4.26 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯ คาดผลการดำเนินงานจะทยอยฟื้นตัวต่อเนื่อง ตามอัตราการเข้าพักโรงแรมที่ดีขึ้นต่อเนื่อง โดยคาดกำไรปกติ 4Q65 = 120 ล้านบาท (+285% YoY) และคาดปี 2566 จะพลิกกลับมามีกำไรครั้งแรกได้ราว 450 ล้านบาท 3) คาดรับ Sentiment บวกจากการเตรียมต้อนรับทัวร์จีน หลังรัฐบาลจีนอนุมัติให้จัดกรุ๊ปทัวร์เที่ยวต่างประเทศได้ (มีไทยและมัลดีฟส์ในลิสต์รายชื่อประเทศที่ได้รับการอนุมัติ) PBV ต่ำเพียง 0.92 เท่า ขณะที่คาดปีนี้ Turnaround
หุ้นมีข่าว
(+) SCGC เทกฯ ‘คราส’ รีไซเคิลรายใหญ่ เสริมแกร่งสินค้ากรีนโพลิเมอร์รุกตลาดยุโรป (ข่าวหุ้น) SCGC ในเครือ SCC* ซื้อกิจการ Kras บริษัทรีไซเคิลรายใหญ่เนเธอร์แลนด์ ด้วยกำลังการผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิล 9,000 ตัน มีแผนขยายอีก 9,000 ตัน เสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ พร้อมเร่งลุยตลาดยุโรปด้วย Green Polymer
(+) III รับจีนเปิดประเทศ จับตาเจรจาซื้อกิจการ (ทันหุ้น) III “ทิพย์ ดาลาล” มั่นใจภาพรวมปีนี้ผลงานเติบโตไม่ต่ำกว่า 20% ปริมาณการขนส่งฟื้น ด้านจีนเปิดประเทศดันดีมานด์ หนุนขนส่งพ้นจุดต่ำสุด เตรียมรับรู้รายได้จากทุกบริษัทในเครือ แย้มมีเจรจาพันธมิตรร่วมทุนซื้อกิจการ 1-2 ราย คาดชัดเจนปีนี้
(+) FSMART ปล่อยสินเชื่อพันล. บุ๊กส่วนแบ่งกำไรเต่าบินเต็มปี (ทันหุ้น) FSMART โชว์แผนงานปี 2566 ชูธุรกิจการเงินครบวงจร ตั้งเป้าปล่อยสินเชื่อ 500-1,000 ล้านบาท เจาะลูกค้าองค์กรเครือข่ายขนาดใหญ่ คาดมาร์จิ้นปีนี้ดีกว่าปีก่อน รับทรัพย์ส่วนแบ่งกำไรเต่าบิน 26.71% เต็มปี พร้อมสยายปีกเท่าตัวแตะ 1 หมื่นตู้
(+) PIMO รายได้ปีนี้โต 10% ลุ้นออเดอร์มอเตอร์ EV เข้ามาภายในไตรมาสนี้ (ข่าวหุ้น) PIMO เป้าปี 66 รายได้โต 5-10% จากปี 65 ที่คาดทำได้ 1,200 ล้านบาท หลังออเดอร์ใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง และคว้าออเดอร์จ้างผลิตมอเตอร์ชนิดพิเศษของลูกค้าใหม่จากออสเตรเลียมูลค่า 15-17 ล้านเหรียญออสเตรเลีย นอกจากนี้ ลุ้นได้ออเดอร์ผลิตมอเตอร์รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ภายในไตรมาส 1/66
(+) PROEN ทุ่ม 95 ล้านลงทุน “เกตเวย์ฯ หนุนต่อยอดธุรกิจอินเทอร์เน็ต ดาต้า เซ็นเตอร์ (ข่าวหุ้น) PROEN ทุ่มงบ 95 ล้านบาท เข้าลงทุนใน “เกตเวย์ เซอร์วิส (GW)” คาดธุรกรรมแล้วเสร็จในไตรมาส 1/66 เสริมแกร่งต่อยอดธุรกิจ Internet Data Center สอดคล้องกับการเติบโตอุตสาหกรรมธุรกิจท่องเที่ยวไทย
หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า
- แนะนำ ‘Let profit run” โดยกำหนด Trailing stop: TISCO* (Trailing stop 101.5 บาท)
- BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 32 บาท / แนวต้าน 33-34 บาท (Trailing stop 31.5 บาท)
- BBGI (เป้าพื้นฐาน 8.1 บาท) แนวรับ 6.75 บาท / แนวต้าน 7.0-7.15 บาท (Stop loss 6.65 บาท)
- LEO (เป้า Consensus 14.1 บาท) แนวรับ 12.6 บาท / แนวต้าน 13.1-13.5 บาท (Stop loss 12.4 บาท)
- ADVANC* (เป้า IAA Consensus 235 บาท) แนวรับ 200 บาท / แนวต้าน 204-207 บาท (Stop loss 199 บาท)
- BDMS* (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 30 บาท / แนวต้าน 31.0-32.0 บาท (Stop loss 29.5 บาท)
- OR* (เป้าพื้นฐาน 33.5 บาท) แนวรับ 23.6 บาท / แนวต้าน 24.0-24.2 บาท (Stop loss 23.5 บาท)
- BJC* (เป้า Consensus 38.7 บาท) แนวรับ 36.0 บาท / แนวต้าน 37.5-40.0 บาท (Stop loss 35.5 บาท)
Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้
- PTTGC* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 45 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดจะรายงานผลขาดทุน -1.9 พันล้านบาท ใน 4Q65 (พลิกจากกำไรใน 4Q64 แต่ขาดทุนลดลงเทียบ QoQ) เป็นผลจาก Spread ปิโตรเคมีที่ลดลง ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงแนะนำ “ถือ” เนื่องจากประเมินว่า Spread ปิโตรเคมีหลักๆ PE และ PP น่าจะถึงจุดต่ำสุดแล้วใน 4Q65 แต่ด้วยกำลังการผลิตใหม่ที่เพิ่มขึ้นมากจะยังกดดัน Spread ให้อยู่ในระดับต่ำตลอดทั้งปี 2566
- SCB* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 136 บาท รายงานกำไร 4Q66 = 7 พันล้านบาท (-32% QoQ, -11% YoY) ต่ำกว่า Consensus คาด -30% จากค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นมากกว่าคาด รวมทั้งผลของการปรับโครงสร้างธุรกิจ (CardX)
- TTB* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 1.65 บาท รายงานกำไร 4Q65 = 3.8 พันล้านบาท (+4% QoQ, +36% YoY) มากกว่า Consensus คาด 10% จาก NII และรายได้ค่าธรรมเนียมที่มากกว่าคาด
- KBANK* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 170 บาท จากการประชุมนักวิเคราะห์ มุมมองเป็นลบ ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯ และราคาเป้าหมายลงเป็น 170 บาท (เดิม 188 บาท) และปรับคำแนะนำลง เป็น “ถือ” (เดิม “ซื้อ”)
Strategic SET Daily
ภาพรวมตลาดหุ้นเช้านี้: คาดดัชนี rebound สั้นมองกรอบแกว่ง 1670-1690
- ดัชนี SET index วันศุกร์ที่ผ่านมา: ดัชนีแกว่งปรับตัวลงจากแรงขายเด่น หุ้นกลุ่มธนาคารไฟแนนซ์ ค้าปลีก และสื่อสาร
- ภาพรวมดัชนี SET index เช้านี้: คาดดัชนี rebound สั้น เนื่องจากที่แนวรับบริเวณ 1670 ยังมีแรงซื้อกลับได้อยู่ ประกอบกับ modified stochastic ที่เริ่มปรับตัวลงมาในโซนต่ำ มองกรอบการ rebound ภายในวันที่ 1670-1690 และมองว่ายังคงต้องจับตาแรงขายหุ้นกลุ่มธนาคารและไฟแนนซ์ หากเริ่มมีแรงขายน้อยลงจะเป็นโมเมนตัมที่ดีกับการ rebound ของดัชนี
- กรณีผิดคาด หากดัชนีปรับตัวลงหลุด 1670 มองเป็นจุดลดพอร์ตการลงทุนในระยะสั้น
- แนวรับเช้าน้ี: 1660/1670 แนวต้านเช้านี้: 1690/1700
แนะนำ 3 หุ้นเด่นทางเทคนิค
หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บนหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus