บล.บัวหลวง:
FORTH Corporation (FORTH TB / FORTH.BK)
FORTH – เต่าบินยังเท่อยู่!
ตอนนี้เต่าบินยังโอเคไหม? ใช่! ยอดขายต่อตู้ยังทรงตัวตลอดครึ่งหลังของปี 2565 และ FORTH กำลังผลิตและพัฒนาตู้ใหม่ๆ (และปรับปรุงเครื่องเดิมที่มีอยู่)
ผู้บริโภคยังคงชอบเต่าบินอยู่
จํานวนขายเครื่องดื่มต่อตู้ลดลงจาก 76 แก้ว/วัน ตอนพีคๆ ในไตรมาส 2/65 มาอยู่ที่ 50 แก้วกว่าๆ/วัน ในไตรมาส 4/65 เรามองว่าประมาณการ 50 แก้ว/วัน ของเราเหมาะสมแล้ว เนื่องจาก 1) ยอดขายส่วนมากในกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล (ราว 2,300 ตู้) ทรงตัวที่ราว 50 แก้ว/วัน 2) ตู้ที่มียอดขายน้อยกว่ามาตรฐานจะถูกย้ายที่ 3) ที่ติดตั้งตู้ใหม่ๆ จะเป็นจุดที่มีประชากรหนาแน่น และ 4) ยอดขายเฉลี่ย 50 แก้ว/วัน เป็นยอดในช่วงหน้าฝนและอากาศหนาว (ซึ่งยอดขายมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นในช่วงหน้าร้อน) เราเชื่อว่าสมมุติฐานราคาเฉลี่ย 30 บาท/แก้ว เหมาะสม ตราบใดที่เมนู โอริโอ้/โอวันติน/นม ยังคงเป็นที่นิยม โดยเฉพาะกับกลุ่มนักเรียน (โซดาราคาถูกกว่า ดังนั้นราคาเฉลี่ยจึงลดลงจาก 34-36 บาท/แก้วในช่วงต้นปี 2565 แต่โซดามีอัตรากำไรที่สูงกว่า)
ปัญหาห่วงโซ่อุปทานคลี่คลายในช่วงกลางปี 2565
ปัญหาห่วงโซ่อุปทานไม่เป็นประเด็นแล้วตั้งแต่ช่วงกลางปี 2565 และน่าจะไม่มีปัญหาอีก เนื่องจาก 1) ประเทศจีน (แหล่งที่มาของชิ้นส่วน) กลับมาเปิดแล้ว และ 2) อุปทานวัตถุดิบจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์และอิตาลีกลับมาเป็นปกติแล้ว ภายในสิ้นปี 2565 FORTH ผลิตตู้กว่า 5 พันตู้ แต่มีเพียง 4,900 ตู้ที่เปิดใช้ เนื่องจาก 1) บางตู้ถูกเอาออกเพื่อปรับปรุงตู้ให้ขายได้เพิ่มขึ้นจาก 100 แก้ว/การเติมของ ไปเป็น 200 แก้ว/การเติมของ (ลดต้นทุนด้านการขนส่ง) และ 2) บางตู้ไม่ได้ใช้งานในขณะหนึ่งๆ เนื่องจากกำลังเติมสต๊อกหรือซ่อมบำรุง ทั้งนี้จากเทคโนโลยีที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เวลาในการซ่อมบำรุงจะลดลง
ขยายตัวในไตรมาส 1/66
เราคาดกำไรหลักที่ 173 ล้านบาทในไตรมาส 4/65 ลดลง 7% YoY (รายได้จาก Enterprise Solutions ที่สูงในไตรมาส 4/64) และ 26% QoQ (รายได้ EMS ที่สูงในไตรมาส 3/65) แต่เราคาดกำไรหลักไตรมาส 1/66 ที่ 207 ล้านบาท เติบโต 10% YoY และ 22% QoQ หนุนจากเต่าบิน
เราคาดกำไรหลักปี 2566 ที่ 1,246 ล้านบาท เติบโต 58% YoY หนุนจาก เต่าบิน ทั้งนี้ FORTH ตั้งเป้าหมายเชิงอนุรักษ์นิยมต่อกำไรหลักที่ 1,000 ล้านบาท (เติบโต 27% YoY) โดยจากการคาดการณ์ล่าสุดของบริษัท (ที่ประกาศในงาน Thai Corporate Day ของเรา) คือจะผลิต 7 พันตู้ในปี 2566 ทั้งนี้แม้บนสมมุติฐานกรณีที่แย่ที่สุดของเราที่ FORTH จะเพิ่มตู้เข้าไปได้เพียง 5 พันตู้ในปีนี้ จะเป็นความเสี่ยงต่อประมาณการกำไรปี 2566 เราเพียง 5% และยังคงมีอัพไซด์จากคําสั่งชื้อ EMS ใหม่ๆ และโครงการใหม่ๆ (ปัจจุบันเราคาดไม่มีการเติบโต)