บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +18.8%

Close Jan 20, 2023 Price 57.25

12M Target 68.00

KRUNGTHAI CARD (KTC) กลับมาเร่งขยายสินเชื่อ และเน้นสร้าง Synergy กับ KTB

Earnings Results

  • KTC รายงานกำไรสุทธิ 4Q65 จำนวน 1,666 ลบ. โต 33.5%YoY แต่ลดลง 6%QoQ ต่ำกว่าที่ตลาดคาด 10.8%
  • ถูกกดดันด้วยการตั้งสำรองที่เพิ่มขึ้น 18.1%QoQ มากกว่าคาด โดยเป็นผลจากการที่บริษัทต้องการเร่งกระบวนการ Write-Off หนี้เสีย เพื่อปรับปรุงคุณภาพของพอร์ตสินเชื่อโดยรวม และตั้งสำรองเพื่อรองรับความเสี่ยงในอนาคต ทำให้เราเห็น NPL Ratio ลดลงเหลือ 1.8% จาก 2% ใน 3Q65 และระดับ Coverage Ratio เพิ่มขึ้นเป็น 476.3% จาก 448.5% ซึ่งถือว่าเป็นระดับที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของกลุ่มมาก
  • สำหรับกำไรก่อนการตั้งสำรองและหักภาษี (PPOP) โต 3.5%QoQ แม้ค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานจะปรับขึ้น 10.7%QoQ จากค่าใช้จ่ายการตลาดที่สูงขึ้น เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าเกิดการใช้จ่ายในช่วงปลายปี แต่ถูกชดเชยด้วยรายได้ที่ปรับขึ้นได้เร็ว ทั้งรายได้ดอกเบี้ยรับสุทธิที่โต 3.4%QoQ หลังพอร์ตสินเชื่อขยายตัวได้ดีที่ 7.4%QoQ (สินเชื่อบัตรเครดิต/สินเชื่อส่วน บุคคล/สินเชื่อเช่าซื้อ โต 13.1%QoQ/6%QoQ/26.6%QoQ ตามลำดับ) บวกกับรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยโต 8.5%QoQ จากรายได้ค่าธรรมเนียมการใช้จ่ายผ่านบัตร และค่าธรรมเนียมสินเชื่อที่เพิ่มขึ้น ทำให้ทั้งปี 2565 KTC มีกำไรสุทธิ 7,079 ลบ. โต 20.4%YoY

Our Take

  • สำหรับปี 2566 เรามองว่าผลดำเนินงานของ KTC มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้น หนุนด้วยภาพรวมของการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว ตามกิจกรรมนอกบ้านของภาคครัวเรือนที่มากขึ้นกว่าเดิม รวมถึงช่วงต้นปีได้อานิสงค์บวกจากมาตรการ “ช็อปดี มีคืน” ที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคล
  • นอกจากนี้บริษัทเตรียมจัดโปรโมชั่นที่เน้นการใช้จ่ายในหมวดอาหาร โรงแรม และช็อปปิ้งออนไลน์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ รวมถึงการรุกขยายสินเชื่อผ่านทาง Digital Platform มากขึ้น ทั้งในส่วนของ KTC เอง และการขยายฐานลูกค้าผ่าน Krungthai NEXT เพื่อเข้าถึงกลุ่มลูกค้ารายได้สูง ส่วนธุรกิจในกลุ่ม “พี่เบิ้ม” บริษัทตั้งเป้าสินเชื่อปีนี้ที่ 9,000 ลบ. (เพิ่มขึ้นมากจาก 1,055 ลบ. ณ สิ้นปี 2565) โดยอาศัยความร่วมมือกับ KTB เป็นช่องทางหลักในการเข้าถึงลูกค้า ประกอบกับการให้บริการพิจารณาสินเชื่อแบบ On-Site เพื่อกลบจุดอ่อนด้านจำนวนสาขา ส่วนการตั้งสำรองคาดปรับขึ้นเล็กน้อยตามการเร่งขยายพอร์ตสินเชื่อ หนุนให้คาด KTC จะมีกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 7,942 ลบ. โต 12.2%YoY
  • ในฝั่งเงินทุน บริษัทปรับโครงสร้างมาเน้นตราสารหนี้ระยะยาวมากขึ้น เพื่อลดผลกระทบจากดอกเบี้ยขาขึ้น  นอกจากนี้ยังมีวงเงินกู้เหลือจาก KTB (เหลือวงเงินอีกราว 20,709 ลบ.) เป็นทางเลือกในการบริหารต้นทุนทางการเงิน
  • เรามองว่าผลดำเนินงานของ KTC มีทิศทางปรับตัวดีขึ้น หนุนจากภาพการบริโภคในประเทศที่ฟื้นตัว บวกกับความร่วมมือระหว่าง KTB และ KTC ที่มากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside ราว 18.8% จากมูลค่าพื้นฐานเดิมปี 2566 ที่ 68 บาท (อิง Prospective PBV ที่ 5.6x) ทำให้เราคงคำแนะนำ “ซื้อ”
- Advertisement -