บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action TRADING (Downgrade)

TP upside (downside) +9.6%

Close Jan 23, 2023 Price (THB) 14.60

12M Target (THB) 16.00

Previous Target (THB) 17.60

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 4Q65 ที่ 3 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ก่อนหน้า โดยมีสาเหตุหลักมาจากค่าการตลาดนํ้ามันที่มีแนวโน้มลดลงมาอยู่ในระดับ 1.60 บาท/ลิตร หลังภาครัฐเริ่มกลับมาเก็บเงิน นำส่งของทุนน้ำมันฯ อีกครั้งในช่วง 4Q65 และมีการบันทึกรายการ Stock Loss (ผลของราคานํ้ามันดิบที่ปรับตัวลง)
  • ปรับประมาณการปี 2565-2566 ลงเป็น 936 ล้านบาท และ 1,500 ล้านบาท ตามลำดับ

Our view

  • เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 1Q66 สามารถฟื้นตัวได้ YoY และ QoQ จากค่าการตลาดที่มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับไปอยู่ในระดับ 1.70-1.80 บาท/ลิตร หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกเริ่มมีเสถียรภาพ
  • ผลจากการปรับประมาณการทำให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ลดลงเป็น 16.00 บาท/หุ้น มี Upside เพียง 49.6% จึงปรับคำแนะนำลงเป็น “TRADING” ในระยะสั้นมองว่าไม่ต้องรีบเข้าลงทุน เนื่องจากราคาหุ้นมีโอกาสถูกกดดันจากแนวโน้มกำไร 4Q65 ที่อ่อนแอ แนะนำรอจังหวะเข้าลงทุนหลังงบออก

PTG ENERGY คาดกำไร 4Q65 อ่อนแอ จากค่าการตลาดที่ลดลง

คาดกำไรปกติ 4Q65 ถูกดดันจากค่าการตลาดน้ำมันที่ลดลง

คาดกำไรปกติ 4Q65 ที่ 3 ล้านบาท (-98% QoQ, พลิกเป็นกำไร YoY) ต่ำกว่าระดับที่เราเคยประเมินไว้ก่อนหน้า แม้คาดปริมาณขายน้ำมันรวมทำระดับสูงสุดรายไตรมาสที่ราว 1.4 พันล้านลิตร (+9% QoQ, +8% YoY) เนื่องจากค่าการตลาดน้ำมันมีแนวโน้มลดลงมาอยู่ในระดับ 1.60 บาท/ลิตร (-20% QoQ, +27% YoY) โดยมีสาเหตุหลักมาจาก 1) การเริ่มกลับมาเก็บเงินนำส่งเข้ากองทุนน้ำมันฯ สำหรับน้ำมันดีเซลในช่วง 4Q65 (ในช่วงที่เกิดวิกฤติพลังงานมีการอุดหนุนราคาน้ำมันดีเซลอย่างต่อเนื่อง) ส่งผลให้บริษัทฯ มีความสามารถในการปรับราคาขายน้ำมันดีเซลเพื่อสะท้อนต้นทุนน้อยลง (กดดันค่าการตลาดน้ำมันดีเซล) และ 2) การบันทึกรายการ Stock Loss หลังราคาน้ำมันดิบปรับตัวลงในช่วง 4Q65 อย่างไรก็ตาม กําไรปกติ 4Q65 สามารถพลิกเป็นกำไร YoY จากปริมาณขายน้ำมันที่ฟื้นตัว และค่าการตลาดน้ำมันที่ปรับตัวขึ้นมาจาก 1.26 บาท/ลิตร ใน 4Q64

ปรับประมาณการปี 2565-2566 ลง

เราปรับประมาณการปี 2565 ลง -32% เป็น 936 ล้านบาท (-7% YoY) จากการปรับสมมติฐานค่าการตลาดนํ้ามันปี 2565 ลงเป็น 1.83 บาท/ลิตร (จากเดิม 1.90 บาท/ลิตร) เพื่อสะท้อนค่าการตลาดที่ระดับ 1.60 บาท/ลิตร ในช่วง 4Q65 และปรับประมาณการปี 2556 ลง 8% เป็น 1,500 ล้านบาท (+60% YoY) จากการปรับสมมติฐานค่าการตลาดน้ำมันปี 2566 ลงเป็น 1.75 บาท/ลิตร เพื่อให้มีความรัดกุมมากขึ้น โดยกำไรปกติปี 2566 ยังมีแนวโน้มเติบโต YoY เพราะได้แรงหนุนจากปริมาณขายน้ำมันรวมที่มีแนวโน้มเติบโตราว +6% YoY จากการฟื้นตัวของการเดินทางในประเทศหลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย และการฟื้นตัวของจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ (ผลของการเปิดประเทศของจีน) รวมถึงการฟื้นตัวของส่วนแบ่งกำไรของธุรกิจ Paim Complex (PPPGC) หลังอุปสงค์การใช้น้ำมันไบโอดีเซลฟื้นตัว (ผลจากการปรับเพิ่มสัดส่วนผสมไบโอดีเซลเป็น B7 จาก B5 ในช่วง 9M65)

กำไรปกติ 1Q66 มีแนวโน้มฟื้นตัว YoY และ QoQ จากฐานที่ต่ำ

เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 1Q66 ฟื้นตัว YoY และ QoQ จากฐานที่ต่ำ โดยได้แรงหนุนหลักจากค่าการตลาดที่มีแนวโน้มฟื้นตัวกลับมาอยู่ในระดับ 1.70-1.80 บาท/ลิตร (สูงขึ้น YoY และ QoQ หลังราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เริ่มมีเสถียรภาพ ทำให้บริษัทฯสามารถปรับราคาขายน้ำมันเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น อย่างไรก็ตาม ระดับดังกล่าวยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ราว 1.80-1.90 บาท/ ลิตร เนื่องจากราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงและการจัดเก็บเงินนำส่งกองทุนน้ำมันฯ อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทฯยังไม่สามารถปรับราคาขายน้ำมันเพื่อสะท้อนต้นทุนที่สูงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ

ในระยะสั้นราคาหุ้นมีโอกาสถูกกดดันจากงบ 4Q65 ที่อ่อนแอ

ผลจากการปรับประมาณการลง ทำให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ลดลงเป็น 16.00 บาท/หุ้น (อิง PER 17.6x) มี Upside +9.6% จึงปรับคำแนะนำลงเป็น “TRADING” ระยะสั้นมองว่าไม่ต้องรีบเข้าลงทุน เนื่องจากแนวโน้มงบ 4Q65 ที่อ่อนแอ ทำให้หุ้นมีโอกาสถูกตลาดปรับประมาณการลง เชิงกลยุทธ์ แนะนำรอจังหวะเข้าลงทุนหลังผ่านการรายงานผลประกอบการ 4Q65

- Advertisement -