บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Maintain)
TP upside (downside) +19.0%
Close Jan 24, 2023 Price 42.00
12M Target 50.00
B.GRIMM POWER (BGRIM) เตรียมเติบโตไปกับกระแส Net Zero
Event
- วานนี้ (24 ม.ค. 2566) BGRIM จัดงาน GreenLeap Strategy ประกาศแนวทางการดำเนินธุรกิจในยุคของการเปลี่ยนผ่านพลังงานภายใต้แนวคิด Global and Green รวมถึงประกาศแผนการลงทุนระหว่างปี 2566-2573 โดยเรามีมุมมองเชิงบวก
Our Take
- BGRIM ประกาศเป้าหมายมีกำลังผลิตไฟฟ้ารวม 10GW และมี EBITDA ในระดับ 3.5 หมื่นล้านบาท ภายในปี 2573 เน้นการเติบโตผ่าน 3 หน่วยธุรกิจหลักคือ 1) ธุรกิจ Industrial Solution 2) ธุรกิจโรงไฟฟ้า และ 3) กลุ่มธุรกิจพลังงานทางเลือก (Sustainable Fuels)
- การเติบโตของกลุ่มธุรกิจ Industrial Solutions จะเน้นไปที่การขยายกลุ่มลูกค้าที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน ซึ่งจ่ายค่าไฟฟ้าในอัตราไฟฟ้าสีเขียว (Green Tariff) เป็นหลัก (ค่าไฟฟ้าสูงกว่าปกติ) โดยบริษัทฯ คาดกลุ่มลูกค้าดังกล่าวมีแนวโน้มเติบโตสูงตามกระแสการมุ่งสู่ Net Zero ของอุตสาหกรรมต่างๆ
- ขณะที่การเติบโตของธุรกิจโรงไฟฟ้าจะเน้นไปที่การเพิ่มประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติให้มีการปล่อยคาร์บอนน้อยลง และการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนเป็นหลัก โดยบริษัทฯวางเป้าหมายสัดส่วนกำลังผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนในปี 2573 ไม่ต่ำกว่า 50% (จากปัจจุบันที่ราว 25%) โดยบริษัทฯ มีแผนใช้เงินลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นราว 7.0 หมื่นล้านบาท (เงินลงทุนรวมอยู่ที่ราว 2.45 แสนล้านบาท) แบ่งออกเป็น 1) เงินสดจํานวน 1.0 หมื่นล้านบาท 2) กระแสเงินสดจากการดำเนินงานจำนวน 4.5 หมื่นล้านบาท และ 3) เงินทุนจากการออกหุ้นกู้หรือ Monetize สินทรัพย์เดิม จำนวน 1.5 หมื่นล้านบาท
- การลงทุนในธุรกิจโรงไฟฟ้าจะเน้นไปที่การลงทุนในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออก (เกาหลี, จีน และญี่ปุ่น) และเวียดนาม เนื่องจากเป็นกลุ่มประเทศที่มีความต้องการใช้พลังงานสะอาดสูง และมีการสนับสนุนจากภาครัฐ นอกจากนี้ยังเป็นกลุ่มประเทศที่บริษัทฯ มีการเข้าไปลงทุนอยู่แล้ว ทำให้มีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาโครงการสูง
- การเติบโตของธุรกิจพลังงานทางเลือกจะเน้นไปที่การนำเข้า LNG และไฮโดรเจน รวมถึง เชื้อเพลิงทางเลือกอื่นๆ เพื่อนำมาใช้ผลิตไฟฟ้า รวมถึงใช้ในภาคการผลิต (ใช้เป็น Feedstock) โดยเรามองว่าทั้ง LNG และไฮโดรเจน จะมีความต้องการสูงในยุคของการเปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาดเนื่องจาก 1) ไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนยังมีเสถียรภาพที่ต่ำกว่าโรงไฟฟ้าแบบ Corventional (จำเป็นต้องรอปัจจัยทางธรรมชาติ เช่น ความเข้มแสง และ ความเร็วลม) ทำให้ยังคงต้องพึ่งพาไฟฟ้าจากโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติต่อไป (หนุนความต้องการใช้งาน LNG) และ 2) ก๊าซไฮโดรเจนสามารถนำมาผสมกับก๊าซธรรมชาติเพื่อลดปริมาณการปล่อยคาร์บอนจากการผลิตไฟฟ้าได้ (สอดคล้องกับความพยายามในการมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2608 ของไทย)
- คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 50.00 บาท/หุ้น คงคำแนะนำ “ซื้อ”