บล.บัวหลวง:

Siam Cement (SCC TB/SCC.BK)

SCC – กำไรไตรมาส 4/65 ต่ำกว่าคาด แต่แนวโน้มดีขึ้นในไตรมาสหน้า

ต่ำกว่าทุกคาดการณ์

SCC รายงานกําไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 157 ล้านบาท ลดลง 98% YoY และ 94% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 1,514 ล้านบาท ลดลง 79% YoY และ 57% QoQ ซึ่งต่ำกว่าที่เราและตลาดคาดมาก เนื่องจากกําไรจากทุกธุรกิจที่ต่ำกว่าคาด และขาดทุนจากสินค้าคงคลังมากกว่าคาด SCC ประกาศจ่ายเงินปันผลสําหรับครึ่งหลังของปี 2565 ที่ 2 บาทต่อหุ้น ซึ่งคิดเป็นอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลขั้นต้นที่ 0.6% (จะขึ้นเครื่องหมาย XD ใน วันที่ 7 เม.ย. และจ่ายปันผลในวันที่ 25 เม.ย.)

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

ปัจจัยหลักที่กดดันกำไรหลักให้ปรับตัวลดลง ได้แก่ 1) กำไรจากธุรกิจปิโตรเคมีที่ปรับตัวลดลง, 2) กําไรจากธุรกิจธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างที่ปรับตัวลดลง, 3) กำไรจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ที่ปรับตัวลดลง, 4) ส่วนแบ่งกําไรจากบริษัทร่วมที่ปรับตัวลดลง, 5) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่สูงขึ้น โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 13.9% จาก 11.3% ในไตรมาส 4/64 และ 12.7% ในไตรมาส 3/65, และ 6) อัตราภาษีจ่ายที่สูงขึ้น (YoY และ QoQ)

ธุรกิจปิโตรเคมีรายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 1,052 ล้านบาท พลิกกลับจากกำไรสุทธิในไตรมาส 4/64 และขาดทุนเพิ่มขึ้น QoQ (ปริมาณขายที่ลดลง, ส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทุกประเภทปรับตัวลดลง, และส่วนแบ่งกำไร จากบริษัทร่วมปรับตัวลดลง) ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้างรายงานขาดทุนสุทธิที่ 717 ล้านบาท พลิกกลับจากกำไรสุทธิในไตรมาส 4/64 และไตรมาส 3/65 (อัตรากำไรที่ปรับตัวลดลงและมีการบันทึกผลขาดทุนจากการด้อยค่า สินทรัพย์) ในขณะที่กำไรสุทธิจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์ไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 449 ล้านบาท ลดลง 79% YoY และ 76% (ปริมาณขายที่ลดลง และ EBITDA margin ของธุรกิจบรรจุภัณฑ์แบบครบวงจรที่ปรับตัวลดลง [YoY และ QoQ] และของธุรกิจเยื่อกระดาษลดลง [QoQ])

แนวโน้ม

การเปิดประเทศจีนและแนวโน้มเศรษฐกิจที่ปรับตัวดีขึ้นของไทยจะหนุนอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี ซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง และบรรจุภัณฑ์ต่อไป รวมไปถึงราคาผลิตภัณฑ์และอัตรากําไร จากแนวโน้มดังกล่าว กําไรหลักในไตรมาส 1/66 ของ SCC มีแนวโน้มจะปรับตัวเพิ่มขึ้น QoQ หนุนจากกำไรที่เพิ่มขึ้นในทุกธุรกิจ จากมุมมองด้าน YoY กําไรหลักของบริษัทคาดว่าจะอ่อนตัวลงต่อเนื่อง YoY เนื่องจากกําไรจากธุรกิจปิโตรเคมีและธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง (CBM) ที่ลดลง (อัตรากำไรที่ลดลง) อย่างไรก็ตาม กำไรจากธุรกิจบรรจุภัณฑ์คาดว่าจะทรงตัว YoY จะช่วยบรรเทาการปรับตัวลดลงของกําไรหลักได้บางส่วน

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 35,914 ล้านบาท ไว้ดังเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

คำแนะนำ

ผลประกอบการไตรมาส 4/65 ที่น่าผิดหวัง อาจกดดันราคาหุ้นในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม แนวโน้มไตรมาส 1/66 ที่ นปรับตัวดีขึ้นน่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป นอกจากนี้มูลค่าหุ้นปัจจุบันของ SCC ยังคงน่าสนใจ โดยซื้อขายที่ PBV ณ สิ้นปี 2566 ที่ 1.0 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 2.2 เท่า อยู่ 1.7 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) และคาดการณ์อัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลปี 2566 ที่ 4.3% (เทียบกับ SET ที่ 2.7%)

SCC – ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์

What’s new?

ประเด็นสำคัญจากการประชุมนักวิเคราะห์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมายืนยันมุมมองเชิงบวกของเราต่อแนวโน้มการฟื้นตัวของผลการดำเนินงาน ปี 2023 และการเติบโตในระยะยาวของบริษัท

Highlights:

  • ธุรกิจซีเมนต์และวัสดุก่อสร้าง (CBM): ผลการดำเนินงานปี 2023 มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นจากปีก่อน หนุนโดยอุปสงค์ที่ฟื้นตัวทั้งใน ประเทศไทยและ ASEAN ขณะที่มาร์จิ้นน่าจะปรับตัวสูงขึ้นจากการปรับเพิ่มราคาขายผลิตภัณฑ์และต้นทุนพลังงานที่ลดลง (ราคาถ่านหินปรับตัวลดลงและการใช้พลังงานทางเลือกเพิ่มขึ้น แต่ค่าไฟจะสูงขึ้น)
  • ธุรกิจเคมิคอลส์: อุปสงค์มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องในปีนี้ภายหลังจีนเปิดประเทศ โดยคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจนใน 2H23 ซึ่งจะช่วยหนุนราคาและส่วนต่างราคาปิโตรเคมีให้ปรับตัวสูงขึ้น อย่างไรก็ตามการปรับเพิ่มอัตราการใช้กำลังการผลิตของผู้ผลิต (ซึ่งลดการผลิตไปในช่วง 2H22 เนื่องจากสภาวะตลาดไม่ดี) รวมทั้งการเริ่มดำเนินงานของกำลังการผลิตใหม่อาจจะเป็นปัจจัยด้านอุปทานที่จำกัดการฟื้นตัวของส่วนต่างราคาปิโตรเคมีบางส่วน
  • โครงการ LSP (Long Son Petrochemical Complex ในเวียดนาม) มีความคืบหน้าไปแล้ว 97% และคาดว่าจะ COD ใน 2Q23 ได้ตามแผน
  • SCC วางแผนงบลงทุนปี 2023 ไว้ที่ประมาณ 4-5 หมื่นล้านบาท โดยมุ่งเน้นการลงทุนในโครงการที่อยู่ระหว่างก่อสร้าง และ green energy/product
  • สถานะทางการเงินของ SCC ยังคงแข็งแกร่ง โดยมีเงินสดในมือราว 9 หมื่นล้านบาท และอัตราส่วน Net D/E ที่เพียง 0.6 เท่า ณ สิ้น 4Q22 (ไม่มี debt covenant)

View From Fundamental:

  • แนวโน้มตลาดที่ขึ้นจะหนุนให้กำไรหลักปรับตัวดีขึ้น QoQ ใน 1Q23 และน่าจะหนุนราคาหุ้นปรับตัวขึ้นได้ต่อไป มูลค่าหุ้นปัจจุบันยังคงอยู่ในระดับ ที่น่าสนใจ เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” (ราคาเป้าหมาย 410 บาท)
- Advertisement -