บล.บัวหลวง:
Srisawad Corporation (SAWAD TB /SAWAD.BK)
SAWAD – ถือไว้ก่อน
เราแนะนำ “ถือ” ต่อ SAWAD แม้เราคาดกำไรปี 2566 จะปรับตัวขึ้น 13% YoY เนื่องจากตลาดได้รับรู้ภาพการเติบโตไปแล้ว แต่ทั้งนี้ยังคงมีอัพไชต์ 3% ต่อประมาณการกำไรปี 2566 ของเรา หากบริษัทสามารถบรรลุเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อปี 2566 ที่ 25% YoY
ภาพการเติบโตของสินเชื่อที่แข็งแกร่งในปี 2566
อุปสงค์ที่ยังคงแข็งแกร่งต่อกลุ่มผู้ให้สินเชื่อที่ไม่ใช่ธนาคารจะหนุนให้ SAWAD ขยายพอร์ตได้อย่างต่อเนื่อง (บริษัทตั้งเป้าเติบโต 25% YoY ในปี 2566) หนุนจากการขยายสาขาทั่วประเทศ (300 สาขาในปีนี้) สินเชื่อเช่าซื้อ จักรยานยนต์ (ผู้บริหารตั้งเป้าการเติบโตที่ราว 70%) และการรุกตลาดประเทศเวียดนาม (เป้าหมายรายได้ 300-400 ล้านบาท) เราคาดสินเชื่อปี 2566 จะเติบโต 19.4% YoY แต่หาก SAWAD สามารถทำได้ตามเป้าที่เติบโต 25% YoY จะเป็นอัพไซด์ 3% ต่อประมาณการกำาไรของเรา
NIM ที่ทรงตัว ขณะที่ต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น
เราคาดต้นทุนทางการเงินจะปรับตัวขึ้น 21bps ในปี 2566 (ต่ำกว่าที่ผู้บริหารคาดขึ้น 30bps YoY) เนื่องจากหุ้นกู้ที่ครบกำหนดไถ่ถอนจะถูกทบยอด อย่างไรก็ตาม NIM ของ SAWAD จะทรงตัว YoY ที่ 16.44% จากธุรกิจสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูงจะขยายตัวขึ้น ได้แก่ สินเชื่อเช่าซื้อจักรยานยนต์ ผลตอบแทนอยู่ที่ 23% ในประเทศไทย (สูงกว่าสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ) และ 60% ในประเทศเวียดนาม
สัดส่วนหนี้เสีย/สินเชื่อรวม จะปรับตัวขึ้น แต่สัดส่วนต้นทุน/รายได้จะลดลง
สัดส่วนหนี้เสีย/สินเชื่อมีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นไปอยู่ที่ 3.5% (ต่ำกว่าที่ผู้บริหารตั้งเกณฑ์ที่ 4% ในปี 2566) จากอัตราการผิดนัดชำระในธุรกิจสินเชื่อที่ให้ผลตอบแทนสูง และสัดส่วนหนี้เสีย/สินเชื่อที่ต่ำ ณ สิ้นปี 2565 (SAWAD ขยายพอร์ตอย่างช้าๆ เพื่อจํากัดผลกระทบของคุณภาพสินทรัพย์ที่ลดลงจากผลกระทบในยุคโควิด) นอกจากนี้เราคาดอัตราการตั้งสำรองจะปรับตัวขึ้นจาก 6bps ในปี 2665 (บริษัทกลับหนีเสีย 121 ล้านบาทไปเป็นรายได้ในไตรมาส 3/65) ไปเป็น 100bps ในปี 2566
สัดส่วนต้นทุน/รายได้จะลดลงจาก 47.1% ในปี 2565 มาอยู่ที่ 45.5% ในปี 2566 จากรายได้ที่ปรับตัวขึ้นเร็วกว่าต้นทุน การขยายสาขาใหม่จะหนุนให้เกิดสินเชื่อใหม่ๆ ดังนั้นรายได้ดอกเบี้ยจะสูงขึ้ย นอกจากนี้เราคาด SAWAD จะลดค่าใช้จ่ายด้านตัวแทนจําหน่าย
กําไรไตรมาส 4/65 คาดจะเติบโต YoY และ QoQ
เราคาดกําไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 1.2 พันล้านบาท เติบโต 8% YoY และ 4% QoQ หนุนจากการเติบโตของสินเชื่อ NIM ที่ขยายตัว และสัดส่วนต้นทุน/รายได้ที่ต่ำลง (แม้จะมีการตั้งสำรองที่สูง) ดังนั้นเราคาดกำไรปี 2565 จะอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท ลดลง 4.7% YoY แต่แนวโน้มจะดีขึ้นในปี 2566 โดยกำไรจะเติบโต 13.3% YoY ไปเป็น 5.1 พันล้านบาท หนุนจากการเติบโตของสินเชื่อ และสัดส่วนต้นทุน/รายได้ที่ต่ำลง เราแนะนำ “ถือ” ต่อ SAWAD โดยมีราคาเป้าหมายสิ้นปี 2566 ที่ 49 บาท คิดเป็น PER ที่ 14 เท่า (อัตราการเติบโตของกําไรเฉลี่ยสะสมปี 2566-67 ที่ 14% ซึ่งต่ำกว่าในปี 2561-64 ที่ 19%)