บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +25.7%

Close Jan 25, 2023 Price (THB) 23.70

12M Target (THB) 29.75

Previous Target (THB) 29.25

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 4Q65 ที่ 2.2 พันลบ (-19.3% QoQ, -22.9% YoY) เนื่องจากไม่มีโครงการคอนโดสร้างเสร็จใหม่เริ่มโอน
  • คาดกำไรปี 2565 ที่ 8.2 พันลบ. (+16.3% YoY) เป็นการทำสถิติสูงสุดใหม่ หนุนด้วยความสามารถในการขายโครงการเดิมที่สร้างเสร็จแล้วพร้อมโอนได้เพิ่มขึ้น
  • แผนการเปิดตัวโครงการใหม่ปี 2566 มูลค่า 4.1 หมื่นลบ. (+9.6% YoY) ทำจุดสูงสุดใหม่เป็นประวัติการณ์

Our view

  • แนะนำ “ซื้อ” เป็น Top Pick ของกลุ่มอสังหาฯ ขนาดใหญ่ ด้วยแนวโน้มผลประกอบการปี 2566 ยังแข็งแกร่ง หนุนด้วย Backlog รอรับรู้เป็นรายได้ที่สูงถึง 1.5 หมื่นลบ. คิดเป็น Secured Revenue จากประมาณการรายได้ปี 2566 ของเราแล้วกว่า 40.7% เราปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 เป็น 29.75 บาท/หุ้น อิง PERS6 ที่ 6.9X
  • เชิง Valuation ราคาปิดวานนี้เทียบเท่า PER86 ที่ 5.5X ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 7.0X ขณะที่เงินปันผลงวด 2H65 คาดที่ 0.89 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่สูงถึง 3.8%

SUPALAI ปรับเพิ่มประมาณการกำไรปี 2565/66

แม้กำไร 4Q65 ชะลอตัว QoQ และ YoY แต่กำไรทั้งปี 2565 มี Upside

เราคาดกำไรปกติ 4Q65 ที่ 2.2 พันลบ. (-19.3% QoQ, -22.9% YoY) ปรับตัวลดลงทั้ง QoQ และ YoY เนื่องจากไม่มีโครงการแนวสูงสร้างเสร็จใหม่เริ่มโอน การรับรู้รายได้จึงมาจากการโอนโครงการแนวสูงที่แล้วเสร็จ ในช่วง 2Q65-3Q65 ได้แก่ Supalai Veranda Ramkamhaeng และ Supalai City Resort Charan 91 ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 2.1 พันลบ. สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นคาดที่ 39.0% ลดลง 60 bps QoQ และ 130 bps YoY จากสัดส่วนการโอนโครงการแนวราบต่อแนวสูงที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หากคาดการณ์กำไรปกติ 4Q65 ใกล้เคียงกับที่เราคาดจะส่งผลให้กำไรปกติทั้งปี 2565 อยู่ที่ 8.2 พันลบ. (+16.3% YoY) มากกว่าประมาณการเดิมของเราที่ 7.6 พันลบ. และค่าเฉลี่ยของ Bloomberg Consensus ที่ 7.4 พันลบ. ถึง 7.7% และ 11.4% ตามลำดับ

ตั้งเป้าธุรกิจเชิงรุก… แผนเปิดตัวปี 2556 ทำจุดสูงสุดใหม่

บริษัทตั้งเป้าเปิดตัวโครงการใหม่ในปี 2566 ที่ 4.1 หมื่นลบ. +9.6% YoY ทำจุดสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยจะยังคงเน้นโครงการแนวราบเป็นหลักที่สัดส่วน 80% ซึ่งจะขยายไปยังกลุ่มระดับบนราคา 10-30 ลบ. มากขึ้น ซึ่งแผนเปิดตัวโครงการที่หนาแน่นเป็นผลให้บริษัทตั้งเป้าหมาย Presales ปี 2566 ที่ 3.6 หมื่นลบ. เติบโตขึ้น 11.0% YoY ทำจุดสูงสุดใหม่เช่นกัน (แบ่งเป็นยอดขายแนวราบ 70% มูลค่า 2.5 หมื่นลบ. และยอดขายแนวสูง 30% มูลค่า 1.1 หมื่น ลบ.)

ด้านแนวโน้มการรับรู้รายได้ปี 2566 บริษัทมี Backlog ณ สิ้น 4Q65 จำนวน 1.9 หมื่นลบ. คาดจะรับรู้เป็นรายได้ในปี 2566 ที่ 1.5 หมื่น ลบ. คิดเป็น Secured Revenue จากประมาณการรายได้ใหม่ของเราที่ 3.6 หมื่นลบ. แล้วกว่า 40.7% หลักๆ มาจากโครงการแนวสูงสร้างเสร็จใหม่จำนวน 2 โครงการ รวมมูลค่า 3.8 พันลบ. ซึ่งมียอดขายแล้วเฉลี่ย 98.5% อีกทั้งจะมีการเริ่มโอน 2 โครงการในออสเตรเลียที่ ได้แก่ Smith Lane (มูลค่า AUD 1.2 พันล้าน SPALI ถืออยู่ 50% ขายแล้ว 14%) และ Balmoral Quay (AUD 240 ล้าน SPALI ถือ 100% ขายแล้ว 46%) เข้ามาช่วยหนุน เป็นผลให้ความเสี่ยงของประมาณการเราคาดอยู่ในระดับต่ำ

ปรับประมาณการปี 2565/66 เพิ่มขึ้น 7.7% และ 15.2% ตามลำดับ

เราปรับประมาณการกำไรปี 2565/66 ขึ้น 7.7% และ 15.2% เป็น 8.2 พันลบ. (+16.3% YoY) และ 8.4 พันลบ. (+ 2.6% YoY) ตามลำดับ จากการปรับสมมติฐานสำคัญดังนี้ 1) ปรับเพิ่มประมาณการรายได้ทั้งปี 2565 เพิ่มขึ้น 4.1% จากความสามารถในการระบายสินค้าคงคลังโครงการแนวสูงทำได้ที่ดีกว่าคาดในช่วง 2H65 และ 2) ปรับสมมติฐานรายได้ปีขึ้นในปี 2566 เพิ่มขึ้น 12.4% เป็น 3.6 หมื่นลบ. จากแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ที่หนาแน่น ซึ่งมีสัดส่วนโครงการแนวราบที่สามารถรับรู้รายได้ภายในปี และอัตราการดูดซับอุปทานโครงการแนวสูงที่คาดได้แรงหนุนจากการกลับมาของลูค้าชาวจีนเต็ม

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 29.75 บาท

แม้ 4Q65 ผลประกอบการคาดจะชะลอตัวลง QoQ และ YoY แต่ผลประกอบการปี 2565 ถือว่ายังคงทำสถิติ ต่อเนื่องจากปี 2564 สะท้อนแผนการดำเนินงาน ความสามารถในการทำกำไร และอุปสงค์แนวราบที่ยังแข็งแกร่ง ขณะที่แนวโน้มผลประกอบการปี 2555 จะยังเติบโตได้ต่อเนื่อง จากแผนเปิดตัวโครงการใหม่ที่เติบโตขึ้นกว่า 9.6% YoY นอกจากนี้ คาดอัตราดูดซับอุปทานโครงการแนวสูงจะฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหนุนจากการผ่อนคลาย มาตรการเดินทางระหว่างประเทศของจีน สะท้อนจากการปรับคาดการณ์จํานวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นจาก 22.0 ล้าน ราย เป็น 25.5 ล้านราย ในการประชุม กนง. วานนี้

คงคำแนะนำ “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 29.75 บาท พร้อมเลือกให้เป็น “Top Pick” ของกลุ่มอสังหาฯ ขนาดใหญ่ เชิง Valuation ราคาปิดวานนี้เทียบเท่า PER66 ที่เพียง 5.5X ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 5 ปี ที่ 7.0X จึงมองเป็นโอกาสสะสมเพื่อรับเงินปันผลงวด 2H65 คาดที่ 0.89 บาท/หุ้น คิดเป็น Dividend Yield ที่สูงถึง 3.8%

- Advertisement -