กม. เลือกตั้ง 2 ฉบับได้รับโปรดเกล้าแล้ว

สรุปภาวะตลาด

วันศุกร์ที่ผ่านมา ดัชนีรีบาวด์ หลังจากที่ปรับตัวลงในวันก่อนหน้า มีแรงซื้อในหุ้นกลุ่มพลังงาน ธนาคาร และกลุ่มการเงิน โดยนักลงทุนติดตามการรายงานผลประกอบการของบริษัทที่จะทยอยออกมา นอกจากนี้ยังติดตามการรายงานตัวเลข PCE ของทางสหรัฐ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,681.30 จุด +9.96 จุด +0.60% มูลค่าการซื้อขาย 57,797 ลบ.ต่างชาติ +2,827.59 ลบ. TFEX +26,598 สัญญา ตราสารหนี้ -2,095.98 ลบ.

ปัจจัยบวก +

+ ดัชนีดาวโจนส์ปิดเพิ่มขึ้น 28.67 จุด หรือ +0.08% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้น 1.8% เนื่องจากนักลงทุนขานรับการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจที่บ่งชี้ว่าเงินเฟ้อชะลอตัวลง รวมถึงการรายงานผลประกอบการงวด 4Q65 ของบริษัทจดทะเบียนที่ดีกว่าคาด นอกจากน้ี นักลงทุนยังจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของเฟด ในสัปดาห์หน้า

+ สหรัฐเปิดเผยว่าดัชนี PCE ทั่วไป ซึ่งรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 5%YoY ในเดือนธ.ค. และ ชะลอตัวจากระดับ 5.5%YoY ในเดือนพ.ย.

+ FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50%-4.75% ในการประชุมวันที่ 31 ม.ค. – 1 ก.พ.น้ี

+ธนาคารกลางจีน (PBOC) ประกาศอัดฉีดเงิน 1.28 แสนล้านหยวน (ประมาณ 1.891 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ) เข้าสู่ระบบการเงินผ่านข้อตกลง reverse repo ประเภทอายุ 7 วัน โดยกำหนดอัตราดอกเบี้ยที่ 2%

+ เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา ลงประกาศเผยแพร่ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกต้ังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 และ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2566 ที่จะนำมาใช้ในการจัดการเลือกต้ัง ส.ส. เป็นการเลือกต้ังท่ัวไปแล้ว

 ปัจจัยลบ –

– สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.33 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 79.68 ดอลลาร์/บาร์เรล และลดลง 2.4% ในรอบสัปดาห์ที่แล้ว โดยราคาลดต่ำกว่าระดับ 80 ดอลลาร์/บาร์เรล และเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนเทขายทำกำไร ท่ามกลางความวิตกกับแนวโน้มตลาดก่อนการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสในสัปดาห์หน้า และ EU จะเริ่มแบนผลิตภัณฑ์น้ำมันของรัสเซียในวันที่ 5 ก.พ.

– สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงาน โดยอ้างแหล่งข่าวว่า ญี่ปุ่นและเนเธอร์แลนด์พร้อมเข้าร่วมกับสหรัฐ ในกาจำกัดการเข้าถึงเซมิคอนดักเตอร์ขั้นสูงของจีน ซึ่งจะเป็นการสร้างพันธมิตรที่ทรงพลังในการตัดทอนกำลังการสร้างและพัฒนาชิปของจีน

– ญี่ปุ่นประกาศมาตรการคว่ำบาตรเพิ่มเติม เพื่อตอบโต้การกระทำล่าสุดของรัฐบาลรัสเซียในยูเครน โดยห้ามการส่งออกสินค้ายุทธศาสตร์ที่สำคัญไปยังรัสเซีย รวมท้ังอายัดทรัพย์สินของบุคคลหลายสิบราย

– กกพ.ชี้ค่าไฟฟ้างวดต่อไปเดือน พ.ค.-ส.ค.2566 ภาคครัวเรือนจ่ายเพิ่มแตะ 5.24 บาทต่อหน่วย หากรัฐไม่กำหนดให้แยก 2 ราคาเหมือนปัจจุบัน

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีวันนี้มีโอกาสปรับตัวขึ้น จากปัจจัยในประเทศ หลังจากมีการโปรดเกล้าฯ กฎหมายลูกท้ัง 2 ฉบับที่จะใช้ เลือกตั้งแล้ว ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศ ดัชนี PCE ทั่วไป ของสหรัฐ ออกมาใกล้เคียงกับตลาดคาด มองกรอบดัชนีใน วันนี้ท่ี 1,675-1,690 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • ข้อปดีมีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
  • จีนเปิดประเทศ+เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 : MINT CENTEL ERW SPA AU SHR
  • หุ้นโรงไฟฟ้าได้ประโยชน์จากรายได้ปรับข้ึนตามค่า FT แต่ต้นทุนเริ่มคงที่ : GPSC BGRIM RATCH
  • หุ้นยั่งยืนด้านพลังงานหมุนเวียน : EA TSE SSP SUPER PRIME
  • หุ้นได้ประโยชน์จากรถยนต์ไฟฟ้า : EA GPSC BCP OR DELTA
  • หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
  • หุ้นเช่ือมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC

หุ้นรายงานพิเศษ

ETC-BWG “มุมมองบวกต่อการเข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรม”

  • เมื่อวันท่ี 27 ม.ค.ที่ผ่านมา บริษัทเปิดเผยว่าได้เข้าร่วมประมูลโรงไฟฟ้าขยะอุตสาหกรรมซึ่งมีกำลังการผลิตรวม 100MW ซึ่งล่าสุดบริษัทได้ผ่านการพิจารณาเกณฑ์คุณสมบัติ และคำเสนอขายไฟฟ้าด้านเทคนิคแล้ว โดยโครงการดังกล่าวมีโรงไฟฟ้าผ่านเข้ารอบทั้งหมด 18 แห่ง ซึ่งเป็นของบริษัทไปแล้ว 10 แห่ง โดยการประกาศผลรอบสุดท้ายที่จะเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน มี.ค.66 ซึ่งจะมีโรงไฟฟ้าผ่านเข้ารอบทั้งหมด 13 แห่ง (ขนาดจ่ายไฟ 8MW ต่อแห่ง) ดังนั้นในกรณีเลวร้ายสุด คาดบริษัทจะมีโรงไฟฟ้าผ่านเข้ารอบอย่างน้อย 5 แห่ง และกรณีดีสุดผ่านเข้ารอบทั้งหมด 10 แห่ง ทั้งนี้ บริษัทมีความเชื่อมั่นค่อนข้างสูงในการประมูลรอบสุดท้าย เนื่องจากเป็นการ ตัดสินโดยการให้คะแนนด้านความพร้อม ซึ่งบริษัทมีประสบการณ์ค่อนข้างสูงและมีความพร้อมในการจัดหาเชื้อเพลิงขยะอุตสาหกรรม (SRF) ที่มีบริษัทแม่ BWG เป็นผู้จัดหาให้ โดยหากการประมูลแล้วเสร็จ คาดบริษัทจะใช้เวลาก่อสร้างราว 2 ปี ซึ่งจะเริ่ม COD ช่วงต้นปี 69
  • โรงไฟฟ้าขนาด 10MW จ่ายไฟจริงที่ 8 MW มีอัตรารับซื้อไฟฟ้าแบบ FIT ที่ 6.08 บาท + Premium 0.7 บาท/ หน่วย (8 ปี) ซึ่งบริษัทคาดจะมีกำไรราว 200 ลบ./แห่ง ซึ่งมีงบลงทุนราว 1,500 ลบ./แห่ง โดยบริษัทมีแหล่ง เงินทุนจาก 1) หุ้นกู้ 2,500 ลบ. 2) เงินคงเหลือจาก IPO 700 ลบ. 3) (หรือ) เพิ่มทุนแบบ PP ไม่เกิน 10% ของ ทุนจดทะเบียนเดิม
  • ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อทั้ง ETC และ BWG ที่คาดจะมีโรงไฟฟ้าผ่านเข้ารอบอย่างน้อย 5 แห่ง โดยหาก โครงการดังกล่าว COD แล้ว คาด ETC จะมีกำไรเพิ่มขึ้นอีกกว่า 5 เท่าตัว จากปัจจุบันที่มีกำไรราว 180-200 ลบ./ปี ส่วน BWG จะได้ประโยชน์ในแง่ของส่วนแบ่งกำไรจาก ETC ที่เพิ่มขึ้น ประกอบกับรายได้จากการจัดหา เชื้อเพลิง SRF ให้กับ ETC ที่เพิ่มขึ้น
  • BWG ใช้เกณฑ์ Cash Balance 30 ม.ค. – 17 ก.พ. 2566

หุ้นมีข่าว

(+) EPG (Bloomberg consensus 12.00 บาท) รับด้วยทัวร์จีนเที่ยว หนุนออเดอร์แก้ว-ฉนวนพุ่ง จ่อลุยผลิตถ้วยกาแฟร้านดังเต็มพิกัดปลายมกราคมนี้ กรุยทางโกยเงินระยะยาว แถมแจงค่าไฟฟ้าทะยานไม่กระทบ เหตุมีโซลาร์รูฟ 18 เมกะวัตต์ ช่วยลดต้นทุน ปีนี้ยืนเป้ารายได้โต 12% จากปีก่อน (ที่มา ทันหุ้น)

(+) NWR (Bloomberg Consensus – บาท) ผลประกอบการปี 2566 มีโอกาสอัตรากำไรมากขึ้น ตั้งเป้ารายได้โต 5-10% ตั้งเป้าโกยงานเข้าพอร์ตเพิ่มอีกราว 10,000 ล้านบาท เติมงานในมือที่มีอยู่กว่า 30,000 ล้านบาท คาดรับรู้ปีนี้ 30% ด้านธุรกิจอสังหาแนวโน้มสดใส เตรียมเปิด 2-3 โครงการใหม่เพิ่ม ทั้งแนวราบ-คอนโด (ที่มา ทันหุ้น)

(+) ACG (Bloomberg consensus – บาท) “ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง” ตั้งเป้ารายได้ปี 66 โตกว่าปี 65 ชูธุรกิจดีลเลอร์ฟื้นตัวกลับมาขยายตัวดีกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19 รับแรงหนุนกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้น พร้อมเดินหน้าวางแผนขยาย “ฟาสต์ฟิต” เพิ่มอีก 11 สาขา หนุนสิ้นปีนี้เปิดครบ 22 สาขา ส่วนธุรกิจ “ฟาสต์ฟิต” ได้อานิสงส์โครงการ “ช้อปที่มีคืน” และ “เราเที่ยวด้วยกัน เฟส 5” ของรัฐบาล หลังโชว์เป็นเจ้าแรกของไทยที่ใช้ e-Tax invoice & e-Receipt เพื่อรองรับการบริการลูกค้าทุกสาขา (ที่มา ข่าวหุ้น)

(+) TGE (Bloomberg consensus 2.26 บาท) ชนะประมูลโครงการโรงไฟฟ้าขยะชุมชน จ. ชัยนาท 8 MW จากเทศบาลตำบลหนองมะโมง และได้รับเลือกเป็นผู้ลงทุนก่อสร้างและบริหารขยะมูลฝอยเพื่อผลิตกระแสไฟฟ้า จ่อประมูลเพิ่มอีก 2 โครงการ มุ่งสู่เป้าหมายกำลังผลิตมากกว่า 200 MW ภายในปี 75 (ที่มา ข่าวหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • 31 ม.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
  • 6 ก.พ. กระทรวงพาณิชย์ รายงาน CPI เดือนม.ค.

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 30 ม.ค. อียู รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค เดือนม.ค.
    • สหรัฐ รายงานดัชนีการผลิตเดือนม.ค.จากเฟด สาขาดัลลัส
  • 31 ม.ค. จีน รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิด-ภาคบริการเดือนม.ค.จาก สํานักงานสถิติแห่งชาติ (NBS)
    • สหรัฐ รายงานดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย.จากเอส แอนด์พี/เคส-ซิลเลอร์
    • ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนม.ค.จาก Conference Board
  • 31 ม.ค. – 1 ก.พ. กําหนดการประชุมธนาคาร กลางสหรัฐเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
  • 1 ก.พ. การประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออก นํามันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) คาดว่าที่ประชุมจะมีมติให้โอเปกพลัสคงนโยบายปัจจุบัน ในการปรับลดกำลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วัน ไปจนถึงสิ้นปี 2566
- Advertisement -