บล.บัวหลวง:

Com7 (COM7 TB /COM7.BK)

COM7- ปัญหาด้านอุปทานชะงักจะกดดันกำไรไตรมาส 4/65

แม้ COM7 แนวโน้มรายงานกำไรลดลง YoY ในไตรมาส 4/65 แต่กำไรจะกลับมาฟื้นตัวในไตรมาส 1/66 จากปัญหาคอขวดของอุปทานที่ดีขึ้นจากการเปิดประเทศจีน ซึ่งน่าจะส่งผลให้ประกอบการในปี 2565 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

คาดกําไรไตรมาส 4/65 อ่อนแอ เนื่องจากอุปทานของ iPhone หยุดชะงัก

เราคาดกำไรหลักในไตรมาส 4/65 ของ COM7 ที่ 801 ล้านบาท ลดลง 11% YoY แต่เพิ่มขึ้น 10% QoQ รายได้ในไตรมาสนี้คาดว่าจะอยู่ที่ 17,033 ล้านบาท ลดลง 3% YoY (แต่เพิ่มขึ้น 14% QoQ) เนื่องจากเราคาดว่าบริษัทจะรายงานยอดขายสาขาเดิมที่ลดลง โดยแม้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา COM7 มักจะรายงานยอดขายและกำไรที่นิวไฮตามปัจจัยฤดูกาลสำหรับไตรมาสที่ 4 แต่คราวนี้จะไม่เป็นเช่นนั่น เนี่องจากการเปิดตัว iPhone 14 ในประเทศไทยก็ถูกเลื่อนจากไตรมาส 4/65 ไปเป็นไตรมาส 3/65 และอุปทานของ iPhone ไม่เพียงพอ ในช่วงไตรมาส 4/65 (ผลข้างเคียงจากนโยบาย zero-COVID ของจีน]

หลังจากรวมประมาณการไตรมาส 4/65 เข้ากับผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2565 แล้ว เราคาดกำไรปี 2565 ที่ 2,909 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เราคาด 5% แต่ยังคงเพิ่มขึ้น 12% YoY

อุปทาน iPhone ที่กลับมาเป็นปกติในโตรมาส 1/66 จะหนุนยอดขายและกําไร

เรามองยอดขายหายไปในช่วงไตรมาส 4/65 เนื่องจากปัญหาอุปทาน iPhone น่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 1/66 ซึ่งขณะนี้ปัญหาพลายเชนได้คลี่คลายลงแล้ว หลังจากการเปลี่ยนแปลงนโยบาย zero-COVID ของจีนเมื่อต้นเดือนธ.ค. 2565 และยอดขายจะได้รับการสนับสนุนจากโครงการ “ช้อปช่วยชาติ” ของรัฐบาล ซึ่งจะกระตุ้นการใช้จ่ายในสินค้าคงทนมากขึ้น ยิ่งรวมถึงอุปกรณ์ไอทีและโทรศัพท์มือถือ (เอามาลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30,000 บาท สําหรับใบกำกับภาษีแบบกระดาษ และสูงสุด 40,000 บาท สําหรับภาษีอิเล็กทรอนิกส์ ในช่วง 1 ม.ค.-15 ก.พ. 2566) ดังนั้นเราคาดกําไรเติบโตแข็งแกร่ง YoY และ QoQ ในไตรมาส 1/66

COM7 เน้นกลยุทธ์ “Market Share First” ในปี 2566

แม้เราจะปรับลดประมาณการกำไรลง 6% ในปี 2566 และ 5% ในปี 2567 (เนื่องจากเราคาดว่าค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารจะเพิ่มขึ้น เรายังคงคาดว่า COM7 จะรายงานการเติบโตของรายได้ YoY ที่ 18% และ 19% ของกำไรในปี 2566 ซึ่งหนุนโดย กลยุทธ์ “Market Share First” บริษัทกำลังเร่งสร้างส่วนแบ่งตลาด โดยเฉพาะในต่างจังหวัด (ตั้งเป้าส่วนแบ่งตลาด 35% ภายใน 3 ปี เพิ่มขึ้นจากปัจจุบัน ต่ำกว่า 20%) ด้วยการเปิดสาขาใหม่ที่มีสินค้าที่ครอบคลุมทุกกลุ่มราคา รวมทั้งมีบริการผ่อน บริการจัดส่ง และการแลกเปลี่ยนสินค้า

ตลาดได้สะท้อนกำไรไตรมาส 4/65 ที่อ่อนแอไปในราคาแล้ว

ปัจจุบันหุ้น ซื้อขายที่ PER ปี 2566 ที่ 21.7 เท่า ซึ่งยังคงต่ำกว่าทั้งค่าเฉลี่ยในอดีดที่ 22.5 เท่า และสำหรับกลุ่มค้าปลีกสินค้าฟุ่มเฟือย โดยมีค่าเฉลี่ย 2566 PER ที่ 26.7 เท่า คาดการณ์การขยายตัวของกำไรในไตรมาส 1/66 และปี 2566 จะหนุนความเชื่อมั่นของตลาดที่มีต่อหุ้น ดังนั้น เราจะปรับลดราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2565 ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) จาก 42 เป็น 40 บาท แต่เรายังคงคําแนะนํา ชื้อ

- Advertisement -