บล.กรุงศรีฯ:
PLAN B MEDIA (PLANB TB/ PLANB.BK)
| กลุ่มอุตสาหกรรม | บริการ |
| หุ้น | PLANB |
| มูลค่าพื้นฐาน | 9.10 |
| คำแนะนำ | HOLD |
เราปรับลดคำแนะนำ PLANB จากซื้อเป็นถือ เพราะราคาเป้าหมายของเราที่ 9.10 บาท เหลือ upside จำกัดแล้ว เราคาดว่ากำไรใน 4Q22 จะยังแข็งแกร่งอยู่ที่ 208 ล้านบาท (เพิ่มขึ้นทั้ง yoy และ qoq) เพราะ UR เพิ่มขึ้น โดยกำไรเต็มปีน่าจะเป็นไปตามที่เราคาดไว้ที่ 666 ล้านบาท จากที่ขาดทุนในปี 2021 เรามองว่า PE ปี 2023 ไม่ถูกแล้ว โดยอยู่ที่ 37x เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตของ EPSที่ 31% CAGR ในปี 2022-24
คาดว่ากำไรสุทธิใน 4Q22 จะเพิ่มขึ้นทั้ง yoy และ qoq เป็น 208 ล้านบาท
ในบทวิเคราะห์ฉบับนี้ เราได้ทำการทบทวนประมาณการกำไร 4Q22 อย่างเป็นทางการหลังจากที่เราอัพเดตตัวเลข utilization rate (UR) ที่เป็นทางการในเดือนธันวาคมกับผู้บริหารของบริษัทเมื่อวานนี้ โดยในภาพรวม เรายังคงคาดว่ากำไรสุทธิของ PLANB จะอยู่ที่ 208 ล้านบาท (+71% yoy และ +20% qoq) แต่มีการปรับประมาณการรายได้และค่าใช้จ่ายเล็กน้อย โดยเราคาดว่ารายได้สูงกว่าที่เราคาดไว้เพราะ UR สูงขึ้น ในขณะที่ค่าใช้จ่าย SG&A ก็น่าจะออกมาสูงกว่าที่เราคาดไว้เพราะค่าใช้จ่ายด้านการตลาดเพิ่มขึ้น โดยสมมติฐานสำคัญได้แก่ i) utilization rate เฉลี่ยเพิ่มขึ้นเป็น 70% ใน 4Q22 จาก 61% ใน 3Q22 ซึ่งทำให้รายได้เพิ่มขึ้นถึง 55% yoy และ 14% qoq เป็น 1.59 พันล้านบาท ทั้งนี้ รายได้จากธุรกิจ OOH คิดเป็นสัดส่วนถึง 80% ของรายได้รวมใน 3Q22 ii) คาดว่ารายได้จาก engagement marketing จะโตถึง 105% yoy และ 20% qoq เพราะรายได้เพิ่มขึ้นจากมวยไทย และ I AM (BNK48) iii) อัตรากำไรขั้นต้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 28% จาก 26.2% ใน 4Q21 และ 26.4% ใน 3Q22 โดยจะมาจากอัตรากำไรที่เพิ่มขึ้นของสื่อ OOH iv) คาดว่าสัดส่วน SG&A/ยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 13% จาก 11% ใน 3Q22 แต่จะยังใกล้เคียงกับระดับของ 4Q21
ผลประกอบการในปี 2022 น่าจะออกมาดีอย่างที่เราคาดเอาไว้
ถ้าหากผลประกอบการใน 4Q22 เป็นไปตามที่เราคาดไว้ กำไรสุทธิเต็มปี 2022 จะอยู่ที่ 667 ล้านบาท ใกล้เคียงกับประมาณการของเราที่ 666 ล้านบาท เราคาดว่าผลประกอบการจะยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่องในปี 2023 และทำสถิติสูงสุดใหม่ที่ 999 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 50% yoy จาก UR ที่เพิ่มขึ้น และ operational leverage
ปรับลดคำแนะนำจากซื้อเป็นถือ โดยยังคงราคาเป้าหมายที่ 9.10 บาท
เราปรับลดคำแนะนำหุ้น PLANB จากซื้อเป็นถือ โดยยังคงราคาเป้าหมายเอาไว้เท่าเดิมที่ 9.10 บาท โดยสาเหตุสำคัญที่เราปรับลดคำแนะนำคือราคาหุ้นวิ่งขึ้นมาแรงมากถึงเกือบ 50% ในช่วง 6-8 เดือนที่ผ่านมา และราคาหุ้นในปัจจุบันเหลือ upside ถึงราคาเป้าหมายของเราจำกัดแล้ว
