สรุปภาวะตลาด

วันจันทร์ที่ผ่านมา ดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ ราว +,- 5 จุด โดยมีแรงขายในหุ้นกลุ่มธนาคาร ขณะที่แรงซื้อมาจากหุ้น DELTA ส่งผลต่อดัชนีราว +2.6 จุด โดยนักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในช่วงกลางสัปดาห์ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดตลาดที่ 1,681.22 จุด -0.08 จุด +0.00% มูลค่าการซื้อขาย 54,952 ลบ. ต่างชาติ -1,027.00 ลบ. TFEX -11,977 สัญญา ตราสารหน้ี -9,004.66 ลบ.

ปัจจัยบวก+

+ ทําเนียบเครมลินแถลงว่าประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย สนทนาทางโทรศัพท์กับเจ้าชาย มูฮัมหมัด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารซาอุดีอาระเบีย เพื่อหารือเกี่ยวกับความร่วมมือในการรักษาเสถียรภาพของตลาดนํ้ามันโลก

+ เกาหลีใต้ยกเลิกกฎระเบียบการสวมหน้ากากอนามัยเกือบทั้งหมด หลังบังคับใช้มานานกว่า 2 ปี เนื่องจาก สถานการณ์แพร่ระบาดของโรคโควิด-19 เริ่มซาลง โดยยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ ประมาณ 7 เดือน

+ คณะบริหารภายใต้การนําของประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐระบุว่าจะยุติการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินโรคโควิด-19 ในวันที่ 11 พ.ค. หลังสหรัฐประกาศใช้มานานเกือบ 3 ปี เพื่อมอบอำนาจให้รัฐบาลสามารถออก มาตรการควบคุมโรคระบาดได้อย่างเต็มที่แบบถูกต้องตามกฎหมาย

+ สทท.คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้าไทยเกิน 30 ล้านคน สร้างรายได้ทุบสถิติ 3 ล้านล้านบาทในปี 62 แต่ท่องเทียวทั้งระบบยังขาดแรงงานอีก 5.6 แสนคน

ปัจจัยลบ-

– ดัชนีดาวโจนส์ปิดร่วงลง 260.99 จุด -0.77% โดยตลาดถูกกดดันจากแรงขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและหุ้นบริษัทรายใหญ่ ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุมของเฟด และรายงานผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในสัปดาห์นี้

– สัญญาน้ำมันดิบ WTI ลดลง 1.78 ดอลลาร์ -2.23% ปิดที่ 77.90 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยปรับตัวลงต่อเนื่องจากสัปดาห์ที่แล้ว ท่ามกลางความกังวลที่ว่าธนาคารกลางชั้นนำของโลก ซึ่งรวมถึงเฟดจะเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์นี้ นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากรายงานที่ว่ารัสเซียยังสามารถส่งออกน้ำมันในปริมาณมากแม้ถูกคว่ำบาตรจากชาติตะวันตก

– ญี่ปุ่นเปิดเผยว่าผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนธ.ค. ลดลง 0.1%MoM และร่วงลง 2.8%YoY ซึ่งสะท้อนถึงผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและอุปสงค์ที่อ่อนแอจากจีน

– องค์การอนามัยโลก (WHO) ออกแถลงการณ์ระบุว่า โควิด-19 ยังคงเป็นภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุขระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นระดับการเตือนภัยขั้นสูงสุด

– รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมชง ครม. สัปดาห์หน้า ไฟเขียวค่าเหยียบแผ่นดินเข้าทางอากาศ 300 บาทต่อคนต่อครั้ง ทางบก- น้ำ 150 บาทต่อคนต่อครั้ง เริ่มใช้กลางปีนี้

– ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่าในปี 66 เศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มชะลอลงชัดเจน จากที่คาดว่าเศรษฐกิจโลกจะขยายตัวน้อยกว่า 2% ต่ำสุดในรอบ 30 ปี จากเงินเฟ้อสูงและดอกเบี้ยขาขึ้น ส่งผลกระทบต่อการส่งออกไทย คาดโต 0-2% เนื่องจากเศรษฐกิจคู่ค้า สหรัฐ และยุโรปชะลอ และค่าเงินบาทผันผวนสูง

แนวโน้มตลาดวันนี้

คาดดัชนีวันนี้ยังแกว่งตัวผันผวนระหว่างวัน โดยยังขาดปัจจัยใหม่เข้าหนุนตลาด ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางชั้นนำ 3 แห่ง ของโลกในสัปดาห์นี้ มองกรอบดัชนีในวันนี้ที่ 1,670-1,690 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

  • ช้อปดีมีคืนปี 66 : BJC CPALL MAKRO CRC COM7 SPVI CPW JMART HMPRO ZEN M AU
  • จีนเปิดประเทศ+เราเที่ยวด้วยกันเฟส 5 : MINT CENTEL ERW SPA AU SHR
  • หุ้นโรงไฟฟ้าได้ประโยชน์จากรายได้ปรับขึ้นตามค่า FT แต่ต้นทุนเริ่มคงที่ : GPSC BGRIM RATCH
  • หุ้นยั่งยืนด้านพลังงานหมุนเวียน : EA TSE SSP SUPER PRIME
  • หุ้นได้ประโยชน์จากรถยนต์ไฟฟ้า : EA GPSC BCP OR DELTA
  • หุ้น mai เด่นปี 66 : SPA D CEYE AU
  • หุ้นเช่ือมโยงการเมือง : TKS SIRI PR9 SC STEC

หุ้นรายงานพิเศษ

PTTGC “ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว” (Bloomberg Consensus 54.00 บาท)

  • ตั้งเป้าปี 2030 จะมีสัดส่วน EBITDA จากธุรกิจ Performance Chemical Polymer & Chemicals เพิ่มขึ้นจาก 22% และ 14% สู่ 35% และ 35% ตามลำดับ หลังจากซื้อ Attnex เข้ามาเสริมแกร่งในธุรกิจ Coating Resins โดยมีแผนขยายโรงงานเพิ่มเติม นอกจากนี้ยังมองหาโอกาสในการลงทุนใหม่ๆ เพิ่มเติม ทั้งในรูปแบบการซื้อกิจการ (M&A) โดยสนใจโครงการพลาสติกรีไซเคิล หรือโครงการลดคาร์บอนในสหรัฐ
  • ความเห็น เรามีมุมมองบวกทั้งระยะสั้นและระยะยาว โดยระยะสั้นยังถูกกดดันจากผลประกอบการ 4Q65 ซึ่งคาดว่าจะอยู่ที่ราว 330 ลบ. (ต่ำกว่าระดับปกติที่มีกำไรไตรมาสละ 5 พันลบ.) แต่ผลประกอบการ 1Q66 คาดว่าจะกลับสู่ภาวะปกติ เนื่องจากค่าการกลั่นและราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเริ่มปรับตัวขึ้น ขณะที่ระยะยาว บริษัทได้ลงทุนไปยังธุรกิจปลายน้ำ ซึ่งสามารถสร้างกำไรสม่ำเสมอมากกว่าธุรกิจต้นน้ำ ทั้งนี้ ราคาหุ้นซื้อขายที่ PBV ต่ำ เพียง 0.75 เท่า ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 0.85 เท่า (PBV ต่ำสุด-สูงสูง 0.60-1.11 เท่า) เราจึงแนะนำ “ซื้อสะสม”

หุ้นมีข่าว

(+) ACG (Bloomberg consensus 12.00 บาท) ลั่นศูนย์บริการ Fast Fit โต 5 เท่า ใส่เกียร์ผุดสาขาปีนี้ครบ 22 แห่ง ปักธงยุทธศาสตร์แหล่งใช้รถสูง กรุงเทพฯ เชียงใหม่ ชลบุรี ชูรับประโยชน์จากโครงการช้อปดีมีคืน เหตุมีระบบการออกใบกำกับภาษีออนไลน์ที่ลดหย่อนได้เพิ่มอีก 1.5 หมื่นบาท ดันผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 20% (ที่มา ทันหุ้น)

(+) PTTEP (Bloomberg consensus 183 บาท) รายงานกำไร 4Q64 ดีกว่าคาด 38% รายงานกำไร 4Q65 อยู่ที่ 1.56 หมื่นลบ. -35%QoQ และ +47%YoY โดยถูกดดันจากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองคดีความในออสเตรเลีย และรับรู้ขาดทุนจากโครงการโมซัมบิก และโครงการ 17/06 และขาดทุนจากการประกันความเสี่ยง น้ำมันราว 1.05 หมื่นลบ. ขณะที่ผลการดำเนินงานปกติยอดการผลิตคาดว่าจะเพิ่มขึ้นจาก 3Q65 ที่ 478 KBD สู่ 500 KBD เนื่องจากการผลิตของโครงการบงกช เอสวัน และอาทิตย์ที่เร่งตัวขึ้น อีกทั้งโครงการแอลจีเรีย ฮาสสิ เบอร์ราเคซ เริ่มผลิตเป็นไตรมาสแรก ด้านราคาขายเฉลี่ย 52.76$/bbl ลดลงจาก 3Q65 ที่ 53.68$/bbl ตามราคาน้ำมันดิบที่ลดลง อย่างไรก็ตาม การผลิตที่เร่งตัวขึ้นทำให้ต้นทุนการผลิตปรับตัวขึ้นสู่ 29$/bbl จาก 28.8 $/bbl ใน 3Q65 ทั้งนี้ PTTEP รายงานกำไรปี 65 ที่ 7.09 หมื่นลบ. +82%YoY

• ความเห็น เรามองเป็นจังหวะซื้อสะสม PTTEP เนื่องจากผลประกอบการได้ผ่านจุดต่ำสุดแล้วใน 4Q65 โดยคาดว่า 1H66 ผลประกอบการจะเร่งตัวขึ้นจากจีนเปิดประเทศ และฤดูหนาวที่รุนแรงในสหรัฐ ทำให้มีความต้องการใช้น้ำมัน เพิ่มขึ้น อีกทั้งไม่มีค่าใช้จ่ายพิเศษเหมือนใน 4Q65 ที่ผ่านมา เราจึงแนะนำ “ซื้อ”

(+) HL (Bloomberg consensus – บาท) แย้มแผนคลอดผลิตภัณฑ์ใหม่กลุ่มอาหารเสริมและเวชสำอางเพิ่ม  พร้อมตั้งเป้าดันรายได้ปีนี้โตทะลุ 20% เดินหน้าเปิดสาขาใหม่ 14 แห่ง หนุนสิ้นปีครบ 50 แห่ง ส่งซิกไตรมาส 1/2566 สดใส รับอานิสงส์สองเด้ง “ช้อปดีมีคืน-ท่องเที่ยวจีน” ดันยอดขายทะลัก (ที่มา ทันหุ้น)

(+) APCS (Bloomberg consensus – บาท) ส่ง “เอทู เทคโนโลยี” บริษัทย่อย ลงนามในสัญญาจ้างก่อสร้างสถานีไฟฟ้าให้กับ กฟภ. จานวน 2 โครงการ สถานีไฟฟ้ากันทรวิชัย จ.มหาสารคาม และสถานีไฟฟ้าพิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี มูลค่า 300.83 ล้านบาท หนุนให้มูลค่า Backlog พุ่งแตะ 1,200 ล้านบาท เดินหน้าประมูลงานใหม่ คาดรายได้ปี 2566 เติบโตกว่า 2,000 ล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)

ปัจจัยจับตาในประเทศ

  • 31 ม.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจและการเงินไทย
    • สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีอุตสาหกรรม
  • 6 ก.พ. กระทรวงพาณิชย์ รายงาน CPI เดือนม.ค.

ปัจจัยจับตาต่างประเทศ

  • 31 ม.ค. จีน รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต-ภาคบริการเดือนม.ค.จาก สำนักงานสถิติแห่งชาติ (NBS)
    • สหรัฐ รายงานดัชนีราคาบ้านเดือนพ.ย.จากเอส แอนด์พี/เคส-ชิลเลอร์ ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนม.ค.จาก Conference Board
  • 31 ม.ค. – 1 ก.พ. กำหนดการประชุมธนาคารกลางสหรัฐเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย
  • 1 ก.พ. การประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันและชาติพันธมิตร (โอเปกพลัส) คาดว่า ที่ประชุมจะมีมติให้โอเปกพลัสคงนโยบายปัจจุบัน ในการปรับลดกำาลังการผลิต 2 ล้านบาร์เรล/วันไป จนถึงสิ้นปี 2566
    • อียู รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นสุดท้ายเดือนม.ค.จากเอสแอนด์พี โกลบอล อัตราว่างงานเดือนธ.ค.
    • สหรัฐ รายงานตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือน ม.ค.จาก ADP
- Advertisement -