บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +19.8%

Close Jan 30, 2023 Price (THB) 8.60 

12M Target (THB) 10.30

Previous Target Price 12.40

What’s new?

  • คาด EPG มีกำไรสุทธิ 3Q65 (สิ้นงวดเดือน ธ.ค. 65) จํานวน 216 ลบ. ลดลง 440 และ 46%YoY จากขาดทุน FX ประมาณ 100 ลบ ส่วนทําไรปกติคาดที่ 316 ลบ. ลดลง 8.70 และ 22.1%YoY จากค่าใช้จ่ายของธุรกิจ TJM และ 4 Way Suspension ที่สูงขึ้น
  • เราปรับประมาณการกำไรปกติปี 2565 ลง โดยภายใต้ประมาณการใหม่คาดจะอยู่ที่ 1,265 บ. ลดลง 16.9%YoY

Our view

  • ราคาหุ้นถูกกดดันจากผลดำเนินงานใน 3Q65 อ่อนแอ แต่ด้วยราคาหุ้นที่ปรับลงมา 13% YTD ทำให้เรามองว่าราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยลบไปมาก จนปัจจุบันมี Upside 19.8% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2566 ที่ 10.30 บาท (อิง PER ย้อนหลัง 3 ปีที่ 20.3x) ซึ่งเป็นราคาที่ปรับประมาณการกำไรลงมาแล้ว เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยในเชิงกลยุทธ์ มองว่าราคาหุ้นจะเริ่มฟื้นตัวหลังประกาศผลดำเนินงาน 3Q65 ในวันที่ 10. ก.พ. นี้ จากความคาดหวังที่กำไรปกติจะฟื้นตัวขึ้น QoQ ใน 4Q65

EASTERN POLYMER GROUP ถูกกดดันจากกำไร 3Q65 ที่อ่อนแอ แต่จะเริ่มดีขึ้นในปีนี้

คาดกำไรปรับลงแรง จากผลขาดทุน FX และค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้น

เราคาด EPG จะมีกำไรสุทธิใน 3Q65 (สิ้นงวดเดือน ธ.ค. 55) จำนวน 216 ลบ. ลดลง 44%QoQ และ 46%YoY เนื่องจากคาดจะมีผลขาดทุน FX ราว 100 ลบ. หากไม่รวมรายการดังกล่าว คาดจะมีกำไรปกติ 316 ลบ. ลดลง 8.7%QoQ และ 22.1%YoY แม้คาดรายได้จากการขายโต 6.4%YoY หนุนจากฐานรายได้ของธุรกิจอะไหล่ยานยนต์ (ARK) ที่ใหญ่ขึ้น หลังรวมงบบริษัท 4-Way Suspension เข้ามาในงบการเงินรวม ประกอบกับลูกค้ากลุ่ม ODM อย่าง Toyota และ Ford มีการขยายกำลังการผลิตมากขึ้น บวกกับธุรกิจฉนวนยางกันความร้อนที่ได้รับคำสั่งซื้อใหม่ๆ จากลูกค้าในสหรัฐฯ และญี่ปุ่น รวมถึงคาดอัตรากำไรขั้นต้นปรับขึ้นเล็กน้อยเป็น 32.4% จาก 31.5% ใน 3Q64 สอดรับกับการใช้กำลังการผลิตโดยรวมดีขึ้น แต่คาดปัจจัยบวกต่างๆ จะถูกหักล้างด้วยแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่คาดปรับขึ้น 26.8%YoY จากค่าใช้จ่ายในการปรับปรุงร้านค้าและปรับโครงสร้างธุรกิจของทั้ง TJM และของ 4 Way Suspension กดดันให้ Norm Profit Margin ลดลงเหลือ 10.1% จาก 13.8% ใน 3Q65

คาดกำไรเริ่มฟื้นตัวใน 4Q65 หลังรายได้ธุรกิจหลักยังโตดี

เราปรับลดประมาณการกำไรปกติของ EPG ตั้งแต่ปี 2565 ลง เฉลี่ยปีละ 23.4% เพื่อสะท้อนผลดำเนินงาน 3Q65 ที่ต่ำกว่าประมาณการเดิม และแรงกดดันจากค่าใช้จ่ายของธุรกิจต่างประเทศ ทั้งนี้ภายใต้ประมาณการใหม่ คาดกำไรปกติของ EPG จะเริ่มฟื้นตัวขึ้น QoQ ใน 4Q65 หลังธุรกิจหลักทั้ง 3 มีพัฒนาการที่ดีขึ้น โดยคาดคำสั่งซื้อฉนวนยางกันความร้อนในสหรัฐฯ และญี่ปุ่นจะเริ่มปรับตัวขึ้น สอดรับกับงานก่อสร้างอาคารที่เพิ่มขึ้น และบริษัทได้ขยายฐานลูกค้าในกลุ่มผลิตภัณฑ์ใหม่ ส่วนธุรกิจอะไหล่ยานยนต์เริ่มเห็นการฟื้นตัวของคำสั่งซื้อจากฐานลูกค้าในยุโรป ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์มาร์จิ้นสูง ขณะที่ธุรกิจบรรจุภัณฑ์พลาสติก คาดได้แรงหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่กลับมาคึกคักมากขึ้น รวมถึงได้รับคำสั่งซื้อบรรจุภัณฑ์ประเภทแก้วพลาสติกจากลูกค้ารายใหญ่ นอกจากนี้คาดจะเริ่มเห็นส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมโตอย่างแข็งแรง หลังธุรกิจร่วมในจีนและอินเดียมีพัฒนาการดีขึ้น และคาด Aeroklas Duys ในแอฟริกาจะเริ่มมีกำไรสุทธิเป็นครั้งแรก เราจึงคาดทั้งปี 2565 (สิ้นปีเดือน มี.ค. 66) EPG จะมีกำไรปกติ 1,265 ลบ. ลดลง 16.9%YoY และคาดจะกลับมาโต 10.9%YoY ในปี 2566

มองราคาหุ้นสะท้อนปัจจัยลบไปมาก และคาดจะเริ่มฟื้นตัวหลังประกาศงบ

ราคาหุ้นถูกกดดันจากผลดำเนินงานใน 3Q65 ที่อ่อนแอ แต่ด้วยราคาหุ้นที่ปรับลงมา 13%YTD ทำให้เรามองว่าราคาหุ้นได้สะท้อนปัจจัยลบไปมาก จนปัจจุบันมี Upside 19.8% จากมูลค่าพื้นฐานใหม่ปี 2566 ที่ 10.30 บาท (อิง PER ย้อนหลัง 3 ปีที่ 20.3x) ซึ่งเป็นราคาที่ปรับลดประมาณการกำไรลงมาแล้ว เราจึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” โดยในเชิงกลยุทธ์มองว่าราคาหุ้นจะเริ่มฟื้นตัวหลังประกาศผลดำเนินงาน 3Q65 ในวันที่ 10 ก.พ. นี้ จากความคาดหวังที่กำไรปกติจะฟื้นตัวขึ้น QoQ ใน 4Q65

- Advertisement -