Our View? “ยังต้องลุ้นต่อ”
คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,670 / 1,665 และแนวต้านที่บริเวณ 1,678 /1,685 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงบวกจากตลาดต่างประเทศ หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขดัชนีต้นทุนการจ้างงาน 4Q′65 ออกมา +1.0% ชะลอตัวลงจาก 3Q’65 ที่ระดับ 1.2% และต่ำสุดในรอบ 1 ปี สะท้อนค่าจ้างแรงงานที่ลดลง ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขเงินเฟ้อมีแนวโน้มปรับตัวลงเช่นกัน กระตุ้นความคาดหวังธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% ในการประชุม FOMC ในคืนนี้ และอาจส่งสัญญาณถึงจุดสูงสุดของการขึ้นดอกเบี้ยในรอบนี้ที่น้อยกว่าที่ตลาดคาด จาก CME FED Watch Tools บ่งชี้ตลาดคาดการณ์ FED จะขึ้นดอกเบี้ยสูงสุดที่ระดับเพียง 5.00% น้อยกว่า Dot-Plot ที่ FED ส่งสัญญาณมาก่อนหน้า ขณะที่ตลาดเริ่มมีการพูดถึงแนวโน้มที่ FED อาจจะปรับอัตราดอกเบี้ยลงเร็วกว่าที่คาดไว้บ้างแล้ว จากก่อนหน้าที่คาดจะส่งไว้ในระดับสูงจนถึงสิ้นปี’66 หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐปรับตัวลดลงต่อเนื่อง รวมทั้งการประชุมของธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางอังกฤษ (BOE) คาดมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% เพื่อกดดันเงินเฟ้อให้ลดลงหลังอัตราเงินเฟ้อในฝั่งยุโรปยังคงอยู่ในระดับสูง
ขณะที่เมื่อวานนี้จีนเปิดเผยตัวเลข PMI ภาคการผลิตเดือน ม.ค. ออกมาที่ระดับ 50.1 ตามที่ตลาดคาดฟื้นตัว จากเดือนก่อนที่ระดับ 47.0 และสูงกว่าระดับ 50.0 สะท้อนภาคการผลิตจีนมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นอีกครั้ง มองเป็นปัจจัย บวกต่อทิศทางตลาดในภูมิภาค และหุ้นในกลุ่มชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ (KCE, HANA และ SMT) ได้ต่อในระยะกลาง
ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน มี.ค. เมื่อคืนนี้แกว่งตัวผันผวน โดยอ่อนตัวลงก่อนจะสามารถดีดตัวกลับขึ้นได้ ปิดที่ระดับ 78.87 ดอลลาร์/บาร์เรล +0.97 ดอลลาร์ (+1.25%) หลังสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) รายงานความต้องการใช้น้ำมันดิบและผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมในสหรัฐเพิ่มขึ้น 1.78 แสน บาร์เรล/วัน ในเดือน พ.ย. 65 อย่างไรก็ตาม แนะนำติดตามประชุมของ OPEC+ ในวันนี้ คาดจะคงนโยบายการลดกำลังการผลิตลด 2 ล้านบาร์เรล/วัน ไปจนถึงสิ้นปี’66 อาจส่งผลให้ราคาหุ้นในกลุ่มพลังงานผันผวนได้บ้าง
สําหรับปัจจัยในประเทศ เรายังคงแนะนำให้ติดตามการรายงานผลประกอบการ 4Q’65 ต่อเนื่อง คาดจะส่งผลให้ตลาดผันผวนได้บ้างในช่วงสั้น โดยล่าสุด Bloomberg Consensus เริ่มมีการปรับลดประมาณการกำไรของ บจ. ในตลาดหุ้นไทย ลดบ้างเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 106.5+/- บาท/หุ้น หลังจากก่อนหน้าอยู่ที่ระดับ 107.0+/- ตามการเปิดเผยผลประกอบการของบาง บจ. และหุ้นในกลุ่มธนาคารที่น้อยกว่าที่ตลาดคาด อย่างไรก็ตาม เรามองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อหุ้นบางกลุ่มที่ปรับตัวลงแรง จากแรงขายลดความเสี่ยงจากแนวโน้มผลประกอบการออกมาไม่สดใส อาทิ หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GULF, GPSC และ BGRIM) ถึงแม้ตลาดจะเริ่มพูดถึงแนวโน้มผลประกอบการ 4Q’65 จะออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาด แต่เรามองแนวโน้มการฟื้นตัวจะชัดเจนมากขึ้นตั้งแต่ 1Q’66 ตามรายได้ที่เพิ่มขึ้นตามค่า Ft. รวมทั้งต้นทุนที่ลดลงจากราคาก๊าซธรรมชาติปรับตัวลดลงต่อเนื่อง หนุนทิศทางผลกำไรใน 1Q’66 สดใส รวมทั้งเรายังคงชอบหุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, SCB, BBL, KTB และ TTB) ที่คาดจะสามารถฟื้นตัวกลับขึ้นได้ หลังการเปิดเผยผลประกอบการออกมาแย่กว่าคาด อย่างไรก็ตาม ทิศทางเศรษฐกิจไทยที่เติบโตชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง คาดเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคารได้ต่อ รวมทั้งเรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการที่เศรษฐกิจไทยคาดจะได้รับประโยชน์จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวจีน เป็นปัจจัยบวกหนุนเศรษฐกิจในประเทศในส่วนของภาคการท่องเที่ยว และการบริโภคภายในประเทศฟื้นตัวขึ้นได้อย่างแข็งแกร่ง คาดยังเป็นปัจจัยบวกหนุนหุ้นในกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการที่จีนเปิดประเทศ อาทิ AOT, AAV, BA ,CENTEL, MINT, ERW, AWC, SPA, AU, BAFS, MBK, VGI, PLANB, TKN และ SCC รวมทั้งเรามีมุมมองเชิงบวกต่อการที่ราชกิจจานุเบกษา ลงประกาศเผยแพร่ พ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และพ.ร.บ. ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองเป็นจิตวิทยาเชิงบวกต่อภาพการเลือกตั้งที่คาดจะมาถึงในเร็ววันนี้ มองเป็น Sentiment เชิงบวกต่อเศรษฐกิจไทยและตลาดหุ้นไทย
ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “SMT”
กลยุทธ์ แนวรับ 5.10 / 5.00 Target 5.50 / 5.90 Stop <4.96