Daily Focus: Selective and Earnings Play

2023SET Target: 1750

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่งพักตัวลงแรงกว่าคาด ปิดลบ 9.76 จุด ณ สิ้นวัน ถูกกดดันจากแรงเทขายหุ้นขนาดใหญ่ในกลุ่มพลังงาน และ Domestic Play อย่างธนาคารและค้าปลีก ขณะที่กลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ปรับขึ้นแรงสวนตลาด สถาบันในประเทศและนักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 403 ลบ.และ 2.9 พันลบ. ตามลำดับ (ต่างชาติ Short Index Futures สูงถึง 4.3 หมื่น สัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways to Sideways Up ฟื้นตัวระยะสั้นได้หากยังไม่หลุดต่ำกว่าแนวรับ 1,670 จุด ตลาดหุ้นทั่วโลกยังคาดหวังเชิงบวกต่อ FED ที่จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย และผลการประชุมและถ้อยแถลงของ FED ในการประชุมวันที่ 2 คืนนี้ ซึ่งคาดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 4.50-4.75% อย่างไรก็ตาม เรามองว่าโฟกัสถัดไป นอกจากเงินเฟ้อที่ชะลอ คือ ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจรายเดือนในช่วง 1Q23 ทั้งฝั่งสหรัฐฯ และยุโรป ว่าจะเห็นสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจที่รุนแรงมากน้อยเพียงใด ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสหลักยังอยู่ที่การทยอยประกาศกำไร 4Q22 ของบริษัทจดทะเบียน และโดยเฉพาะการเลือกตั้งหลังล่าสุดกกต.แบ่งเขตเลือกตั้ง 400 เขตแล้วเสร็จ และประกาศลงราชกิจจาฯแล้ว เรายังมองบวกต่อกลุ่ม Consumption และ Reopening Play ที่ได้อานิสงส์โดยตรงจากเศรษฐกิจที่ฟื้นและการเปิดประเทศโดยเฉพาะจีน เรามองจังหวะพักตัวของราคาหุ้น หลังจากปรับขึ้นแข็งแกร่งตั้งแต่ปลายปี 2022 ยังเป็นโอกาสทยอยสะสมระยะกลาง-ยาว ส่วนระยะสั้นเน้นเก็งกำไรหุ้นที่คาดงบ 4Q22 แข็งแรง

กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้น 4Q22 แข็งแกร่ง // ระยะกลาง-ยาวสะสม Domestic และ Reopening Play ช่วงพักตัว

หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : BA, BDMS, BEM, CENTEL, NOBLE

หุ้นเด่นวันนี้ : BDMS

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 34 บาท
  • คาดกำไร 4Q22 -12% Q-Q ตามปัจจัยฤดูกาล แต่ +13% Y-Y หนุนจากทั้งผู้ป่วยไทยและผู้ป่วยต่าชาติที่ฟื้นตัวดีต่อเนื่อง ทำให้รายได้คาดว่ายังเติบโตแข็งแรง -1% Q-Q, +9% Y-Y โดยรายได้ผู้ป่วยไทยคาดสูงกว่าช่วงก่อน COVID-19 ราว 4% ขณะที่ต่างชาติคาดกลับมาเท่าช่วงก่อน COVID-19
  • เราคาดกำไรปี 2022 +61% Y-Y และเติบโตต่อเนื่องอีก +4% Y-Y ในปี 2023 โดยหนุนจากทั้งผู้ป่วยไทยและโดยเฉพาะต่างชาติที่ฟื้นตัวต่อเนื่องการเปิดประเทศของจีน คาดเป็นบวกในระยะถัดไปและคาดเริ่มเห็นการกลับมาทำความร่วมมือกับ Ping An อีกครั้ง
  • แนวรับ 29-28.75 บาท แนวต้าน 30.50-31//32 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลออกจากภูมิภาค US$271 ล้าน นำโดยเกาหลีใต้ US$305 ล้าน แต่ยังไหลเข้าไต้หวัน US$187 ล้าน ส่วนอาเซียนไหลออกทุกประเทศ นำโดยไทย US$88 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนวันนี้คาดพลิกกลับมาไหลเข้า แต่ปริมาณคาดไม่หนาแน่นนัก โดยตลาดรอดูผลการประชุมและถ้อยแถลงของ FED คืนนี้

ประเด็นสําคัญวันนี้

(+) กลยุทธ์การลงทุนเดือน ก.พ. ตลาดประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสำคัญใกล้แตะระดับสูงสุด หลังอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯและสหภาพยุโรปชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ขณะที่ตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจใน 1Q23 จะเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องจับตาดูว่าจะชะลอตัวเร็วมากน้อยเพียงใด ประกอบกับดัชนีตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวขึ้นต่อเนื่องจาก 4Q22 แรงพอสมควร ซึ่งสะท้อนปัจจัยดังกล่าวไปมาก ทำให้ระยะสั้น Upside จำกัดมากขึ้น รวมถึงปัจจัยในประเทศจับตาดูประเด็นโอกาสการยุบสภาและการประกาศกำไร 4Q22 ของบริษัทจดทะเบียน ซึ่งกลุ่มที่คาดฟื้นตัวได้ดีคือพลังงาน Domestic/Reopening Play เรายังคง SET Target ปี 2023 ที่ 1,750 จุด โดยหุ้นเด่นในเดือน ก.พ. 23 ประกอบด้วย BA, BDMS, BEM, CENTEL และ NOBLE

(+) IMF ปรับเพิ่ม GDP โลกปี 2023 แม้ภาพรวมการเติบโตในปี 2023 จะอ่อนลงจากปี 2022 เนื่องจากนโยบายการเงินของธนาคารกลางทั่วโลกที่ตึงตัว แต่เงินเฟ้อที่เริ่มปรับลง และการเปิดประเทศของจีนทำให้ภาพรวมดูดีขึ้น โดยปรับเพิ่มประมาณการการเติบโตปีนี้จาก +2.7% เป็น +2.9% โดยปรับเพิ่มทั้งฝั่งสหรัฐฯ ยูโรโซน ญี่ปุ่น และโดยเฉพาะจีน สำหรับสหรัฐฯ และยุโรป IMF ยังมองเศรษฐกิจเป็นบวกและมีเพียงอังกฤษที่จะติดลบปีนี้ ส่วนไทย ยังคงมอง GDP +3.7% ท่ามกลางอาเซียนโดยรวมที่ปรับลงเล็กน้อยเหลือ +4.3% ภาพรวมดูค่อนไปในทางบวกมากขึ้นจากโอกาส Recession ที่ลดลงและยังเป็นบวกได้

(0) DTAC ประกาศกำไรปกติ 4Q22 ที่ 478 ลบ. -4% q-q, -18% y-y ดีกว่าตลาดคาดที่ 371 ลบ. ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 901 ลบ. โดยเป็นผลจากค่าเสื่อมราคาที่ลดลง Insurance Claim Settlement และค่าใช้จ่ายทีเกี่ยวเนื่องกับการควบรวมกิจการ ทำให้กำไรปกติทั้งปี 2022 32% y-y อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เริ่มเป็น Concern คือ Postpaid Subscriber ที่ปรับลง 2 ไตรมาสติดต่อกัน และทำให้ ARPU ลดลง ส่วนปี 2023 ต้องรอการควบรวมกิจการแล้วเสร็จ

 

(+) ตลาดดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 368.95 จุด หรือ +1.09% ปิดที่ 34,086.04 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยต้นทุนแรงงานชะลอลง ซึ่งเป็นตัวเลขที่สะท้อนเงินเฟ้อ ทำให้ตลาดคาดการณ์ว่า FED จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ขณะที่นักลงทุนจับตาการประชุม FED และผลประกอบการของอัลฟาเบทและแอปเปิ้ลในสัปดาห์นี้

(-) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดลบ จากนักลงทุนชะลอการซื้อขายเพื่อรอผลการประชุมของธนาคารกลางชั้นน่าในสัปดาห์นี้

(+) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดบวก ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ

(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 32.83 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 97 เซนต์ หรือ 1.25% ปิดที่ 78.87 ดอลลาร์/บาร์เรล ได้แรงหนุนจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ รวมถึง EIA รายงานความต้องการน้ำมันดิบในสหรัฐปรับตัวสูงขึ้นในเดือนพ.ย. ในขณะที่เช้านี้ปรับขึ้นต่อที่ระดับ 79.07 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ +0.25%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 6.1 ดอลลาร์ หรือ 0.31% ปิดที่ 1,945.3 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เช้านี้ย่อตัวที่ระดับ 1,942.5 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.14%

SPDR Gold Trust ถือครองทองค่า 917.05 / –

- Advertisement -