บล.ทรีนีตี้:
โกลบอล เพาเวอร์ ซินเนอร์ยี – GPSC
ซื้อ: ราคาเป้าหมาย 75 บาท, Upside/Downside +8%, Median Consensus 73 บาท
คาดไตรมาส 4Q22 ขาดทุน มองจุดต่ำสุดได้ผ่านพ้นไปแล้ว
- เปลี่ยนคำแนะนำจากถือ เป็น “ซื้อ” ให้ราคาเป้าหมายใหม่ปี 2023 ที่ 75 บาท (อิงวิธี SOTP แบ่งเป็นโรงไฟฟ้า 72 บาท และ =ธุรกิจแบตเตอรี่ 3 บาท)
- คาด GPSC รายงานขาดทุน 4Q65 ที่ 349 ล้านบาท ลดลงจากกำไร 3Q65 ที่ 331 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนพลังงานที่สูงกว่าคาด รวมถึงปริมาณการขายไฟฟ้าให้กับ IU ที่ลดลงเนื่องจากกลุ่ม PTT มีการปิดซ่อมบำรุง (PTTGC และ IRPC) นอกจากนี้ คาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีจะลดลงตามฤดูกาล
- คาดกำไรปี 2566 ฟื้นตัวจากค่า Ft ที่ปรับขึ้นมาอยู่ที่ 158 สตางค์ จาก 93.43 สตางค์ (ค่า Ft ช่วงเดือน ก.ย. – ธ.ค.) ในปี 2565 และอัตราแลกเปลี่ยนที่เริ่มแข็งค่าขึ้น รวมถึงแนวโน้มค่าเชื้อเพลิงที่เป็นเทรนด์ขาลง
Earning Preview
คาด GPSC รายงานกำไร 4Q65 ที่ 349 ลดลงจากกำไร 3Q65 ที่ 331 ล้านบาท เนื่องจากต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น รวมถึงปริมาณการขายไฟฟ้าให้กับ IU ที่ลดลงเนื่องจากกลุ่ม PTT มีการปิดซ่อมบำรุง (PTTGC และ IRPC) กดดัน Gross margin ลดลงเหลือ 1.6% จาก 7.0% ช่วง 4Q64 และ 2.0% ช่วง 3Q65 นอกจากนี้คาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากโรงไฟฟ้าไซยะบุรีจะลดลงตามฤดูกาล
2566 Outlook
คาดกำไรปี 2566 อยู่ที่ 4,361 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 445% จากปี 2565 ฟื้นตัวจากค่า Ft ที่ปรับขึ้นในช่วงเดือนมกราคม – เมษายน สวนทางกับราคาก๊าซธรรมชาติและถ่านหินที่มีแนวโน้มเป็นขาลงอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้การที่จีนเปิดประเทศเร็วกว่ากำหนดอาจจะมีผลกระทบต่อ demand ของถ่านหินและก๊าซธรรมชาติ โดยคาดว่าจะมีผลกระทบต่อราคาเชื้อเพลิงในระยะสั้น
และคาดว่าในปีนี้ โรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ Avaada จะสามารถทำกำไรให้บริษัทฯ 200 ล้านบาท (Net PPA และ คิดตามสัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทฯ แล้ว) และวินด์ฟาร์ม Changfang and Xidao ได้เริ่มต้นการผลิตแล้ว แต่จะสามารถ COD ได้ครบ 50 เสา ในปลายปี 2566 (GPSC ถือหุ้นอยู่ 25% คิดเป็นกำลังการผลิต 149 MW)
นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีการขยายกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นไปที่โรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนในต่างประเทศมากขึ้นเพื่อเดินตามเป้าหมาย Carbon Neutrality ในปี 2593 และ Net-Zero Emission ในปี 2603
ความเสี่ยง: ราคาเชื้อเพลิง การปิดซ่อมนอกแผนงาน และความเสี่ยงจากเงินบาทอ่อน
