บล.บัวหลวง:

Total Access Communication (DTAC TB/DTAC.BK)

DTAC – กำไรหลักตามคาด; วันสุดท้ายที่ซื้อขายหุ้น DTAC คือวันที่ 17 ก.พ.

กําไรสุทธิดีกว่าคาด แต่กําไรหลักตรงตามคาด

DTAC รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 901 ล้านบาท เติบโตแรง 427% YoY และ 85% QoQ หากไม่รวม 5 รายการพิเศษในไตรมาส 4/65 ซึ่งได้แก่ กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 23 ล้านบาท กำไรจากธุรกรรมป้องกันความเสี่ยง 14 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการควบรวมกิจการ 160 ล้านบาท ค่าเสื่อมราคาที่ลดลงจากการเปลี่ยนแปลงอายุการใช้งานของสินทรัพย์ 450 ล้านบาท และเงินค่าประกับบางส่วน 110 ล้านบาท กำไรหลักอยู่ที่ 464 ล้านบาท ลดลง 20% YoY และ 15% QoQ กำไรสุทธิดีกว่าที่เราคาด 182% เนื่องจากรายการพิเศษ 2 รายการหลักข้างต้น ในขณะที่กำไรหลักตรงตามที่เราคาดก่อนหน้า รายได้บริการ (ที่ไม่รวมไอซี) ต่ำกว่าคาด 1.6% จากรายได้บริการหลักที่ต่ำกว่าคาด แต่ต้นทุนบริการต่ำกว่าคาด 1% จากค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงขายที่ต่ำกว่า ที่เราคาด ขาดทุนจากธุรกิจขายเครื่องโทรศัพท์ต่ำกว่าที่เราคาด 37% ทั้งนี้กําไรหลังหักภาษีดีกว่าที่เราคาด 3%

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

กําไรหลักที่ปรับตัวลง YoY เนื่องจากรายได้บริการที่ลดลง (การแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจมหภาคที่ช้ากว่าคาด) ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับโครงข่ายที่เพิ่มขึ้น (ค่าไฟ ค่าพลังงาน และสาธารณูปโภคที่ปรับตัวสูงขึ้น และการขยายโครงข่ายใหม่) ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจําหน่าย รวมถึงภาระหนี้เสียที่เพิ่มขึ้น และการพลิกกลับไปเป็นภาษีจ่าย ซึ่งกลบค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารงานทั่วไป และค่าใช้จ่ายด้านการตลาดที่ปรับตัวลดลง รายได้บริการ (ที่ไม่รวมโอซี) ในไตรมาส 4/65 ลดลง 0.9% YoY และ 0.5% QoQ เนื่องจากรายได้บริการโพสต์เพดที่ลดลง (ซึ่งถูกกลบบางส่วนด้วยรายได้บริการพรีเพดที่เพิ่มขึ้น จากการกลับมาของนักท่องเที่ยวและแรงงานต่างด้าว) จำนวนผู้ใช้บริการรายใหม่สุทธิในไตรมาส 4/65 อยู่ในระดับต่ำเพียงแค่ 1.06 แสนราย ลดลง 63% YoY และ 86% QoQ จากลูกค้ารายใหม่สุทธิระบบโพสต์เพดที่ยังคงติดลบ ทั้งนี้ รายได้เฉลี่ย/ราย/เดือน ในไตรมาสนี้อยู่ที่ 217 บาท ลดลง 9% YoY และ 2% QoQ (จากการแข่งขันที่รุนแรงและเศรษฐกิจมหภาคที่ยังคงเป็นปัจจัยท้าทาย) ต้นทุนจากการดำเนินงานโดยรวม (ซึ่งรวมต้นทุนบริการและค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารงานทั่วไป) ปรับตัวเพิ่มขึ้นเพียงแค่ 0.3% ทั้ง YoY และ QoQ เนื่องจากการปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ค่าใช้จ่ายในการบริหารงานทั่วไป และค่าใช้จ่ายด้านการตลาดปรับตัวลดลง 5% YoY และ 30% YoY ตามลำดับ

แนวโน้ม

เนื่องจากดีลควบรวมบริษัท TRUE-DTAC ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/66 ผู้บริหาร DTAC จึงไม่ได้ให้เป้าหมายตัวเลขผลการดำเนินงานของ DTAC สําหรับในปี 2566 วันซื้อขายหุ้น TRUE (หุ้น TRUE เดิม) และหุ้น DTAC วันสุดท้ายได้แก่ วันที่ 17 ก.พ. กำหนดการประชุมผู้ถือหุ้นร่วมคือ วันที่ 22 ก.พ. (ซึ่งเปลี่ยนแปลงจากกําหนดการเดิมคือวันที่ 23 ก.พ.) วันซื้อขายวันแรกของหุ้น TRUE (หุ้น TRUE ใหม่ซึ่งรวม DTAC แล้ว) ได้แก่ วันที่ 3 มี.ค. เราคาดมูลค่าของผลประโยชน์ร่วมจากการควบรวมกิจการ (synergy) ซึ่งประเมินด้วยวิธี DCF ที่ 3.24 หมื่นล้านบาท (ซึ่งหลักๆ จะมาจากการลดต้นทุนการดำเนินงานเป็นหลัก) สําหรับในอีก 15 ปีข้างหน้า เราคาดว่าการแข่งขันของโทรศัพท์เคลื่อนที่มีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นในปี 2566 โดยมีปัจจัยหนุนจากการทยอยยกเลิกแพ็คเก็จราคาต่ำ และแพ็จเก็จ “โทรฟรี” เริ่มตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2565 เศรษฐกิจมหภาคที่ปรับตัวดีขึ้น และการเลือกตั้งจะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนรายได้บริการของทั้ง DTAC และบริษัทใหม่ (หรือ TRUE ใหม่) ให้กลับมาฟื้นตัวในปี 2566

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เรายังคงราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ที่อิงจากวิธี DCF (ที่รวม synergy เข้าไปแล้ว) ที่ 61.50 บาท/หุ้น (สำหรับ DTAC) และ 10.4 บาท/หุ้น (สำหรับบริษัทใหม่ หรือ TRUE ใหม่)

คําแนะนํา

เราแนะนําให้นักลงทุนที่มีหุ้น DTAC ถือหุ้น DTAC และไปแลกเป็นหุ้นบริษัทใหม่ หรือบริษัท TRUE ใหม่ จากการ คาดหวังมูลค่าเพิ่มจาก Synergy ที่จะเกิดจากการควบรวมบริษัทที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

 

- Advertisement -