แกว่งตัว sideway รอรับปัจจัยบวกใหม่
ตลาดหุ้นวานนี้… SET Index ปิดที่ 1,682.58 จุด ลดลง 3.17 จุด (-0.19%) มูลค่าการซื้อขาย 62,327.62 ล้านบาท ตอบรับเชิงบวกต่อการที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.25% ตามคาด หลังจากนั้นมีแรงขาย Sell on fact ออกมากดดันตลาด
แนวโน้มตลาดวันนี้… รอตัวเลข Nonfarm payroll ม.ค. 66 คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 1.85 แสนตำแหน่ง ชะลอตัวลงจากเดือนก่อน รวมถึงอัตราว่างงานคาดว่าเพิ่มขึ้นเป็น 3.6% หากออกมาแย่กว่าคาดจะสะท้อนภาพตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง กระทบต่อเศรษฐกิจสหรัฐที่อาจจะชะลอตัวลงในปีนี้ ขณะที่ GDPNOW คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐขยายตัวเพียง 0.7% ใน 1Q66 ขณะที่วานนี้ ECB ขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 3.00% และส่งสัญญาณเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย และคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานเท่าที่มีความจําเป็น เพื่อกดดันให้เงินเฟ้อปรับตัวลงสู่เป้าหมาย 2% ของ ECB ตรงข้ามกับ BoE ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% สู่ระดับ 4.00% และส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากเงินเฟ้อในอังกฤษผ่านจุดพีคไปแล้ว รวมถึงเศรษฐกิจเริ่มชะลอตัวจากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ส่วนปัจจัยในประเทศ 1. กลุ่ม EV ecosystem ได้รับ sentiment เชิงบวกจากบอร์ด EV อนุมัติมาตรการสนับสนุนการผลิตแบตเตอรี่ อย่างการให้สิทธิประโยชน์ด้านภาษีสรรพสามิตจาก 8% ลดเหลือ 1% และการให้เงินสนับสนุน วงเงิน 24,000 ล้านบาท สําหรับการผลิตแบตเตอรี่ระดับเซลล์ในประเทศไทย ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตแบตเตอรี่ของรถยนต์ไฟฟ้า ระยะต่อไปจะเข้าสู่การพิจารณาของ ครม. เพื่อขออนุมัติงบประมาณภายในเดือนนี้ 2. การปรับหน่วย DELTA ให้ซื้อขายขั้นต่ำเป็น 50 หุ้นได้ มีผลตั้งแต่วันที่ 7 ก.พ. เป็นระยะเวลา 6 เดือนติดต่อกัน เป็นบวกและอาจเกิดการเก็งกำไรมากขึ้น เนื่องจากสภาพคล่องสูงขึ้น 3. รมว.คลัง ยืนยันไม่เลื่อนเก็บภาษีขายหุ้น และไม่มีความคิดจะยกเลิก แต่ยังไม่สามารถระบุช่วงเวลาบังคับใช้ได้ มองเป็นปัจจัยลบต่อตลาดในระยะสั้น
สัปดาห์ หน้าติดตาม… CPI-PPI ม.ค. 66 ของจีน
กลยุทธ์การลงทุน… ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway แนะนำ Trading ในกรอบ 1676-1694 ทั้งนี้แกว่งตัวรอผลประกอบการ 4Q โดย Selective buy
- กลุ่ม Bottom out (ซื้อเมื่ออ่อนตัว) SCC SCGP JMT MTC TIDLOR EA
- กลุ่ม EV ecosystem EA NEX WHA AMATA DELTA FORTH+ HANA+ KCE+ (ราคาปรับตัวขึ้นมาพอสมควรแล้ว)
Flow rotation… เราแนะนำเพิ่มน้ำหนักกลุ่ม EV
เคาะไป คุยไป WHA
- WHA ตั้งเป้ารายได้รวมและส่วนแบ่งกำไรปกติปี 65 เติบโต 20% ท่า All Time High (ไม่รวมดีลขายที่ดินให้กับ BYD) โดยมาจาก 1. ธุรกิจโลจิสติกส์ ซึ่งบริษัทตั้งเป้าส่งมอบพื้นที่รวม 180,000 ตารางเมตร แต่ 1H65 ส่งมอบไปมากกว่า 1.9 แสนตารางมตร ซึ่งสูงกว่าเป้าไปแล้ว ซึ่งมี demand ที่สูงโดยเฉพาะจากธุรกิจสินค้าอุปโภคบริโภค ธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ทั้งนี้จะเปิดตัวคลังสินค้าอีก 2 โครงการ มีพื้นที่รวม 420,000 ตารางเมตร และส่งมอบพื้นที่โครงการอีก 51,000 ตาราง เมตร 2. ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมตั้งเป้ายอดขายที่ดิน 1,650 ไร่
- ล่าสุดได้ลงนามสัญญาซื้อขายที่ดินขนาด 600 ไร่ กับ BYD ส่วนใน อนาคต 2-3 ปี มีแผนขยายนิคมฯ 2 แห่ง ในประเทศ และอีก 1 แห่ง ในเวียดนาม เพื่อรองรับกระแสฐานทุน โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีน ญี่ปุ่น เป็นต้น 3. WHAUP ที่คาดว่าจะมีปริมาณขายน้ำเพิ่มขึ้นตามความต้องการโดยเฉพาะลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า และ 4. ธุรกิจดิจิทัล ภายในสิ้นปี 65 จะวางไฟเบอร์ออพติคใต้ดิน (FTTx) และพร้อมให้บริการแล้วเสร็จทั้ง 11 นิคมฯ และจะให้บริการเช่าเสา โทรคมนาคมเพื่อติดตั้งอุปกรณ์สำหรับรับและกระจายสัญญาณเครือข่าย 3G, 4G, และ 5G ภายในนิคมฯ
- ในเชิง Sentiment ได้ประโยชน์จากจีนเปิดประเทศ ช่วยหนุนการลงทุน และอานิสงส์เทสลาปิดโรงงานผลิตรถ EV ในจีน และนิคมของ WHA เป็นตัวเลือกที่ดีในการลงทุน
Global Markets
(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากการร่วงลงของหุ้นบริษัทเฮลธ์แคร์ ขณะที่ดัชนี S&P500 และ Nasdaq พุ่งขึ้นอย่างแข็งแกร่ง ขานรับนายเจอโรม พาวเวล ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก แตะระดับสูงสุดในรอบเกือบ 1 ปี เนื่องจากนักลงทุน คาดหวังว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั่วโลกมีแนวโน้มที่จะยุติลงในเร็ว ๆ นี้
(-) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดลบได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ และข้อมูลภาคการผลิตที่ซบเซาของสหรัฐ
(-) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดลบ จากการแข็งค่าของดอลลาร์ได้สกัดปัจจัยบวกจากการที่นายเจอโรม พาวเวล ส่งสัญญาณชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย