ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

เทรดในกรอบแคบๆ ติดตามตัวเลขจ้างงานสหรัฐฯ ค่ำวันนี้

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันศุกร์ เทรดในกรอบแคบๆ… หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยอ่อนแอกว่าที่เราคาด เพราะหุ้นหลักๆ เผชิญแรงขายมากขึ้นจากนักลงทุนต่างชาติ ตามทิศทางของค่าเงินบาทที่นักเศรษฐศาสตร์ KGI มองว่าอาจกลับไปอ่อนค่าในระยะสั้นๆ (เงินบาทแข็งค่าไปแรงมากช่วง ม.ค. 66)… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นเป็นกลาง กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เทรดในกรอบแคบๆ รอตัวเลขสำคัญที่จะออกมาคืนวันนี้ ได้แก่ การจ้างงานนอกภาคเกษตร และอัตราการว่างงาน ม.ค. 66 ซึ่ง consensus คาดไว้ที่ 1.85 แสนคน และ 3.60% ตามลำดับ ii) ผลประชุม ธ.กลางยุโรป (ECB) และ ธ.กลางอังกฤษ (BoE) เป็นไปตามที่ consensus คาดการณ์ โดย ECB ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.50% สู่ 3.00% ส่วน BoE ขึ้นดอกเบี้ย 0.50% สู่ 4.00% ทั้งนี้ในฝั่งยุโรปนั้น ทาง ECB ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกในการประชุมเดือน มี.ค. 66 และน่าจะเบรกการขึ้นดอกเบี้ยหลังจากนั้นเพื่อติดตามเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ…. ด้านปัจจัยภายในประเทศ ให้ติดตามทิศทางของค่าเงินบาทเป็นสำคัญ หากเงินบาทพลิกมาอ่อนค่าในสัปดาห์หน้า อาจส่งผลให้นักลงทุนต่างชาติปรับพอร์ตขายหุ้นและบอนด์ไทยต่อ อาจเป็นลบต่อภาวะการลงทุนในระยะสั้นได้

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 

เก็งกำไร SAMART, WHA* NEX

  • SAMART (ยังไม่มีราคาเป้าหมายพื้นฐานใน Consensus) 1) ประเมินแนวรับ 5.55 บาท / แนวต้าน 5.8-5.9 บาท (ค่าเฉลี่ย 200 วันแบบ SMA EMA) กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาส Rebound ทดสอบแนวต้านถัดไป +16.5 บาท (Stop loss 5.45 บาท) 2) ประเมินเป็นหุ้นที่รับอานิสงค์การเปิดประเทศ แต่ราคาหุ้นยัง Laggard โดย i) ธุรกิจวิทยุการบินกัมพูชาเริ่มฟื้นตัว (ปริมาณการเดินทางผ่านสนามบินกัมพูชาเริ่มกลับมาราว +/-50% แล้ว) ii) คาดยอดขายเบียร์ในประเทศที่ฟื้นตัวตามการท่องเที่ยว จะหนุนรายได้จากการรับจ้างยิงรหัสควบคุมบรรจุภัณฑ์บนภาชนะบรรจุเบียร์ เพื่อการจัดเก็บภาษีฯ (คาดรับรู้รายได้ปีนี้ >1 พันล้านบาท) 3) ประเมินธุรกิจวิทยุการบินที่กัมพูชา เตรียมยื่นไฟลิ่งภายใน 1Q66 และคาดผู้ถือหุ้น SAMART จะได้สิทธิการจองซื้อหุ้นลูก Pre-emptive right
  • WHA (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 3.98 บาท / แนวต้าน 4.10 – 4.22 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 4.3 บาท (Stop loss 3.9 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจากประเด็นข่าวการสนับสนุนการลงทุนธุรกิจรถอีวีในประเทศ ซึ่งคาดจะกระตุ้นการตัดสินใจลงทุนของผู้ประกอบการฯ 3) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2566 โตต่ออีก +16% YoY จากการลงทุนภาคเอกชนที่คาดจะฟื้นตัวในปีนี้ หนุนยอดโอน + ยอดขายที่ดินนิคมฯ 4) Forward PE ยังต่ำเพียง 15.5 เท่า คิดเป็นเพียงราว -1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต
  • NEX (เป้า Consensus 23.3 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 17.7 บาท / แนวต้าน 18.1 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่องทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 18.8 บาท (Stop loss 17.4 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจากการที่วานนี้ ที่ประชุม ครม. มีมติเปลี่ยนรถร่วมบริการใน กทม. เป็นรถ EV 3) ประเมินผลการดำเนินงานปี 2565 เริ่ม Break-even แล้วหลังเริ่มทยอยส่งมอบรถบัส EV ใน 2H65 ไปแล้ว +1 พันคัน (คาด 4Q65 กำไรเด่น) และปี 2566 Consensus คาดกำไร +1.2 พันล้านบาท จากการที่โรงงานผลิตรถบัส EV ทำการผลิตและส่งมอบเต็มปี 4) Forward PE ปี 2566 คาดจะลดลงเหลือเพียง +/- 21.5 เท่า

หุ้นมีข่าว

(+) SAMART พร้อมพลิก วิทยุการบินจ่อเทรด (ทันหุ้น) บิ๊ก SAMART ลั่น ปีนี้ถึงเวลาทุกธุรกิจสร้างเงินท่องเที่ยวเข้าไทยธุรกิจภาษี เบียร์รับเต็ม วิทยุการบินกัมพูชากลับมาแรง คาดเข้าตลาดไตรมาส 3 ปีนี้ ชูมูลค่าจะพุ่งรับกำไรขายหุ้นด้วย ด้าน SDC ปีนี้ส่งมอบอุปกรณ์วิทยุดิจิทัลครบ จับตาบูรณาการระบบวิทยุกลาง ส่วน SAMTEL จะรับงานหมื่นล้าน

(+) WARRIX ทุ่ม 30 ล. บุกสิงคโปร์ ซื้อกิจการ Premier Football (ทันหุ้น) WARRIX เข้าซื้อกิจการ Premier Football ในสิงคโปร์ ด้วยมูลค่ารวม 20 ล้านบาท ขยายสู่ธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งในสิงคโปร์ พร้อมวางงบลงทุนในบริษัทย่อยเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนอีกราว 10 ล้านบาท เสริมสร้างความแข็งแกร่งการดำเนินธุรกิจอย่างครบวงจร เพิ่มโอกาสรุกตลาดทั่วโลก คาดหนุนรายได้ปี 2566 เพิ่มขึ้นอีก 80 ล้านบาท

(+) DUSIT ลุยเปิด 14 โรงแรมใหม่ ปักหมุดญี่ปุ่น-ยุโรปอัพฐาน (ทันหุ้น) DUSIT กางแผนปี 2566 เดินหน้าขยายธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ต รับการท่องเที่ยวฟื้น เล็งเปิดโรงแรมเพิ่มอีก 14 แห่ง ใน 7 ประเทศทั่วโลก พร้อมรุกตลาดยุโรปและญี่ปุ่น ภายใต้แบรนด์ “ดุสิต” เป็นครั้งแรก วางเป้าขยายธุรกิจไปทั่วโลก ด้วยการเปิดตัวเชิงกลยุทธ์ทั้งในประเทศจีน อินเดีย เคนย่า เนปาล และไทย

(+) KTMS ลุยฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ขยาย 14 สาขา หวังกวาดรายได้ปีนี้โต 45% (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) “เคที เมดิคอล เซอร์วิส” เดินหน้าสยายปีก เล็งปักหมุดเพิ่มอีก 14 สาขา ทั้งให้บริการในรูปแบบศูนย์ไตเทียมในโรงพยาบาล และคลินิกเวชกรรมเฉพาะทางทั่วประเทศ สอดรับทรนด์การเติบโตของผู้ป่วยโรคไตที่เพิ่มขึ้นทุกปี มั่นใจปั๊มรายได้โต 45% ทะลุระดับ 500 ล้านบาท เดินหน้าเข้าประมูลงาน ท่อลมรับ-ส่งสิ่งส่งตรวจทางการแพทย์ปีนี้กว่า 30 ล้านบาท

(+) CEYE ผู้ถือหุ้นไฟเขียว เข้าซื้อ ZEALOTS-UMC ลั่นดีลเสร็จไตรมาส 1 นี้ (ข่าวหุ้น) ผู้ถือหุ้น CEYE ไฟเขียวซื้อกิจการ ZEALOTS และ UMC คาดดีลแล้วเสร็จภายในไตรมาส 1/66 เดินหน้าธุรกิจ Post Production ภาพเคลื่อนไหว และธุรกิจตัวแทนโฆษณา (Advertising Agency)

Power sector (OVERWEIGHT) – Update of EV supportive measures ผลประชุมบอร์ด EV วานนี้ (2 ก.พ.) เห็นชอบมาตรการปรับลดภาษีสรรพสามิตการผลิตแบตเตอรี่เหลือ 1% จาก 8% รวมถึงการให้ วงเงิน 2.4 หมื่นลบ. เพื่อนสนับสนุนการผลิตแบตฯ ในระดับ Cell ทำให้ต้นทุนการผลิตยานยนต์ต่ำลง นำไปสู่ราคาขายรถ EV ให้คนเข้าถึงได้มากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ระดับการสนับสนุนขึ้นอยู่กับขนาดของโรงผลิตแบตฯ ของผู้ประกอบการ (กำลังการผลิต >8GWh จะได้รับเงิน B1600-800/kWh , กำลังการผลิต <8GWh จะได้รับเงิน Bt400-600/kWh สำหรับขั้นตอนต่อไปคือการยื่นเข้า ครม. เพื่อขออนุมัติงบประมาณในเดือน ก.พ. หลังจากที่เลื่อนมาในเดือน ม.ค. 2023 (Source: Kaohoon)

Our views : ข่าวดังกลัวคาดจะจะสร้าง sentiment บวกให้กับกลุ่มฯที่เกี่ยวข้องกับ EV value chain ในไทยอีกครั้ง โดยเฉพาะบริษัทที่รับจ้างผลิตแบตฯ ในไทย (OEM) อย่าง EA (Not rated) และ GPSC (OP, TP80.00) รวมถึงผู้ผลิต EV Bus, EV Truck และอื่นๆ อย่าง NEX (Not rated) ทั้งนี้ EA น่าจะได้ประโยชน์มากสุดจากความพร้อมที่มีมากที่สุดในตอนนี้ ด้วยกำลังการผลิต 1GWh และมีแผนเพิ่มเป็น 4GWh ในปี 2024 รองลงมาคือ GPSC ที่มี 30MWh แต่มีแผนขยายเป็น 100MWh อีกทั้งกำลังจัดตั้งบริษัทร่วมทุน NV Gotion เพื่อนำเข้า ประกอบ และขายแบตเตอรี่ EV ด้วยกำลังการผลิต 1GWh ปี 2024 และขยายเป็น 2GWh ปี 2025

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • แนะนำ “Let profit run” โดยกำหนด Trailing stop: TISCO* (Trailing stop 102 บาท)
  • BJC* (เป้า Consensus 38.7 บาท) แนวรับ 37.75 บาท / แนวต้าน 39-40 บาท หากผ่านได้แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 37.5 บาท)
  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 33.0 บาท / แนวต้าน 34.5 – 35.5 บาท (Trailing stop 32 บาท)
  • KSL (เป้า Consensus 4.95 บาท) แนวรับ 3.64 บาท / แนวต้าน 3.72-3.78 บาท (Stop loss 3.60 บาท)
  • BH* (เป้าพื้นฐาน 250 บาท) แนวรับ 217 บาท / แนวต้าน 222-227 บาท (Stop loss 214 บาท)
  • ZEN* (เป้าพื้นฐาน 21 บาท) แนวรับ 17.7 บาท / แนวต้าน 18.4-18.7 บาท (Stop loss 17.4 บาท)
  • GLOBAL* (เป้าพื้นฐาน 24.4 บาท) แนวรับ 20.5 บาท / แนวต้าน 21.1-21.4 บาท (Stop loss 20.5 บาท)
  • LEO (เป้า Consensus 14.1 บาท) แนวรับ 12.7 บาท / แนวต้าน 13.1-13.5 บาท (Stop loss 12.4 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • GGC แนะนำ “ขาย” เป้าพื้นฐาน 11.3 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดจะรายงานผลขาดทุน -37 ล้านบาท ใน 4Q65 (พลิกเป็นขาดทุนเทียบ QoQ แต่ขาดทุนลดลงเทียบ YoY) ยังคงคำแนะนำ “ขาย”
  • LPN แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q65 = 75 ล้านบาท (+134% YoY -68% QoQ) ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยฯปรับลดประมาณการปี 2565 – 66 ลง แม้ภาพรวมอุตสาหกรรมฯจะดี แต่ Backlog ในมือของ LPN ที่ต่ำ ปรับลดราคาเป้าพื้นฐานลงเป็น 4.4 บาท (เดิม 4.8 บาท)
  • GFPT แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 15 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q65 = 473 ล้านบาท (+706% YoY, -36% QoQ) โดยราคาเนื้อไก่ และการส่งออกยังแข็งแกร่งในไตรมาสนี้ ทำให้คาดกำไรยังโต YoY แต่คาดชะลอตัวลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล ทั้งนี้คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานจะชะลอตัวลงในปี 2566 (-8% YoY) จึงคงคำแนะนำ “ถือ”
  • BTG แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 38.5 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q65 = 1.81 พันล้านบาท (+101% YoY -21% QoQ) โดยราคาเนื้อสัตว์ยังทรงตัวสูง และการส่งออกยังดี ทำให้คาดกำไรโต YoY แต่คาดกำไรชะลอตัวลง QoQ จากปัจจัยฤดูกาล และราคาเนื้อสัตว์ชะลอตัวลงเล็กน้อยเทียบ 200 คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานปี 2566 ชะลอตัวลง YoY จึงคงคำแนะนำ “ถือ”

มุมมอง SET Index (Morning Session)

SET Index: ย่อ ไม่หลุด 1675 ยังคาดหวังการปิดยืนเหนือกรอบบน downtrend

  • SET Index เช้านี้: คาดระหว่างวันดัชนีอาจย่อตัว แต่หากย่อไม่หลุด 1675 ยังลุ้นการฉีดตัวขึ้นยืนเหนือกรอบบน downtrend เนื่องจากเมื่อวานนี้ช่วงเช้าดัชนีพยายามดีดตัวผ่านแนวต้านกรอบบน แต่มีแรงขายกดในช่วงบ่ายทำให้ยังคอนเฟิร์มการ break ไม่ได้ อย่างไรก็ดี เมื่อวานนี้ดัชนีย่อตัวไม่แรง วันนี้จึงยังพอคาดหวังการปรับตัวขึ้นและปิดยืนเหนือกรอบบน downtrend ได้ แต่ยังคงต้องจับตาแนวต้าน high เดิมบริเวณ 1690-1695 หากขึ้นทดสอบและยังผ่านไม่ได้เด็ดขาด แนะนำขายทำกำไรเพื่อเล่นรอบ และระหว่างวันหากอ่อนตัวไม่หลุดแนวรับระยะสั้นที่ 1675 แนะนำ ทยอยสะสมหุ้น
  • กรณีผิดคาด: ดัชนีอ่อนตัวแรงหลุดแนวรับกรอบล่างที่ 1665 แนะนำลดพอร์ตการลงทุนในระยะสั้น
  • แนวรับ 1665/1675 แนวต้าน 1695 / 1710

กลยุทธ์การลงทุน

  • มีหุ้น: จังหวะ rebound เน้นขายทำกำไรเพื่อเล่นรอบที่แนวต้านบริเวณ 1690-1695
  • ไม่มีหุ้น: หากอ่อนตัวไม่หลุด 1675 แนะนำทยอยซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไรในระยะสั้น มีแนวต้านเพื่อขายทำกำไรบริเวณ 1690-1695

- Advertisement -