จ้างงานสหรัฐแกร่ง ดันกลุ่มส่งออก

กรอบ SET INDEX 1670-1700

Market Outlook

สหรัฐฯ รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ 5.17 แสนรายสูงกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 1.93 แสนราย พร้อมกับอัตราการว่างงานที่ 3.4% ดีกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 3.6% องค์ประกอบภายในพบว่า Sector ที่มีการจ้างงานเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ ได้แก่ Private Service Providing, Retail Trade, Private education and health service, Leisure and Hospitality การเพิ่มขึ้นในแต่ละ Sector สะท้อนถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ข้อมูลในอดีตชี้ว่าในบางช่วงที่อัตราการว่างงานต่ำจะเป็นปัจจัยหนุนให้เงินเฟ้ออยู่ระดับสูง เนื่องจากอุปสงค์แรงงานยังแข็งแกร่ง ก็ถือเป็นปัจจัยที่ต้องติดตามใกล้ชิด เพราะหากเงินเฟ้อไม่ลงเหมือนที่ตลาดประเมินไว้ และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) กลับมาใช้นโยบายการเงินตึงตัวอีกครั้งก็จะกดดันตลาดหุ้น ส่วนสัปดาห์นี้ติดตาม เงินเฟ้อไทยในวันจันทร์ Bloomberg Consensus ประเมินไว้ที่ 5.1% YoY ลดลงจากเดือนก่อนที่ 5.9% YoY หากลดลงตามที่ตลาดประเมินไว้หรือต่ำกว่าตลาดประเมินไว้ก็จะเป็นปัจจัยบวกต่อตลาดหุ้นไทยต่อเนื่อง รวมถึงผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน 4Q22 Bloomberg ประเมินไว้ว่า PSL, IRPC, KCE, ADVANC, TOP รายงานในสัปดาห์นี้ หากรายงานสูงกว่าตลาดประเมินไว้ก็จะเป็นบวกต่อหุ้นนั้นๆ และภาพรวมของการลงทุน ส่วนต่างประเทศติดตาม (1) ประธาน Fed มีกำหนดแถลงให้ข้อมูลในวันพุธช่วงเที่ยงคืน ก็จะทราบผลอย่างเป็นทางการเช้าวันพุธ ตลาดน่าจะไปจับตารอดูถ้อยแถลงด้านดอกเบี้ยและเงินเฟ้ออีกครั้ง (2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯ ในวันพฤหัสบดี Bloomberg ประเมินไว้ที่ 1.9 แสนราย ทั้งนี้ด้วยภาคแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังแกร่งประเมินตลาดหุ้นโลก จะเคลื่อนไหว Sideway-Sideway Down เพื่อรอดูเงินเฟ้อสหรัฐฯ ในวันที่ 14 ก.พ. รวมถึง SET INDEX จึงประเมินสัปดาห์นี้ กรอบ 1670-1700

เชิงกลยุทธ์การลงทุน ระยะสั้นระมัดระวังอิเล็กทรอนิกส์ (HANA, KCE) การปรับลงของ Nasdaq เป็นตัวกดดันหุ้นแนะนำยังเน้น กลุ่ม Defensive อาทิ โรงพยาบาล (BDMS) สื่อสาร (ADVANC) กลุ่มโรงไฟฟ้า (BGRIM, GPSC, GULF, RATCH) กลุ่มส่งออก (ASIAN, TU) ผลพวงค่าเงินบาทอ่อนค่า รวมถึงกลุ่ม Domestic Play ที่ได้ประโยชน์ฟื้นตัวเศรษฐกิจในประเทศกลุ่มค้าปลีก (BJC, HMPRO) กลุ่มท่องเที่ยว (AOT, CENTEL, ERW, MINT, SPA) ร้านอาหาร (M)

หุ้นแนะนําซื้อวันนี้

TU ราคาพื้นฐาน 23.50 บาท

คาด 4Q22 ของ TU มีกำไรสุทธิที่ 1,371 ล้านบาท (-23% YoY,-46% QoQ) ผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงปลายไตรมาส ทำให้มีผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเข้ามากว่า 300 ล้านบาท ถ้าไม่รวมกำไรปกติอยู่ที่ 1,671 ล้านบาท (-10% YoY,-7% QoQ) แม้ค่าเงินบาทโดยเฉลี่ยจะยังอ่อนกว่าปีก่อนอีก 9% ทำให้รายได้ยังคงเห็นการเติบโตได้เล็กน้อยมาอยู่ที่ 39,592 ล้านบาท (+3% YoY, -3% QoQ) การลดลง 3Q22 ผลฤดูกาล

HMPRO ราคาพื้นฐาน 18.00 บาท

คาดกำไร 4/22 ที่ 1.7 พันล้านบาท (-4% YoY, +11% QoQ) ที่ถูกกดดันจากต้นทุนสาธารณูปโภคที่สูงขึ้น แต่คาดรายได้ แตะจุดสูงเป็นประวัติการณ์หนุนจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) ที่ 2% YoY (HomePro +2.4%, Mega Home ทรงตัว YoY HomePro Malaysia +12%) ขณะที่คาดว่ากําไรปี 2023 จะทำจุดสูงใหม่ ผลจากการขยายสาขา Mega Home ในเชิงรุก การบริโภคที่ฟื้นตัวก่อนเลือกตั้ง

- Advertisement -