บล.ทรีนีตี้:

ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล – MINT

ซื้อ: ราคาเป้าหมาย 40.50 บาท, Upside/Downside +20%, Median Consensus 36 บาท

โรงแรมฟื้นตัวเร็วกว่าคาด ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 2565-2566

  • คาดรายงานกำไรสุทธิใน 4Q65 ที่ 2.09 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 54.6% QoQ แต่พลิกจากขาดทุนสุทธิที่ 1.56 พันล้านบาทใน 4Q64 โดยการปรับตัวลดลง QoQ เป็นผลมาจากช่วงไตรมาส 3 เป็นช่วง High Season
  • ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565-2566 ขึ้นเป็น 4.4 พันล้านบาท และ 5.58 พันล้านบาท ตามลำดับ จากผลประกอบการทุกกลุ่มธุรกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว และสามาถทำรายได้สูงกว่าช่วง Pre-COVID
  • แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ 40.50 บาท โดยวิธี SOTP

4Q65 Earnings Preview

  • คาด MINT รายงานกำไรสุทธิใน 4Q65 ที่ 2.09 พันล้านบาท ปรับตัวลดลง 54.6% QoQ แต่พลิกจากขาดทุนสุทธิที่ 1.56 พันล้านบาทใน 4Q64 โดยการปรับตัวลดลง QoQ เป็นผลมาจากช่วงไตรมาส 3 เป็นช่วง High Season ของกลุ่มโรงแรมในยุโรป แต่มีผลการดำเนินงานพลิกกลับเป็นกำไรได้จากการฟื้นตัวของทุกกลุ่มธุรกิจ หลังจากการเดินทางกลับสู่สภาวะปกติ
  • คาดผลประกอบการ NH Hotel ในช่วง 4Q65 ดีกว่าไตรมาส 4 ปีอื่นๆ จาก Pent Up Demand ที่ส่งผลให้คาดว่าอัตราเข้าพักยังคงอยู่ที่ระดับ 65% ลดลงจาก 70% ใน 3Q65 แต่สูงกว่า 4Q64 ที่ 50% โดยที่ RevPar คาดว่าจะสูงกว่าช่วง Pre-COVID 4Q19 ที่ 10%
  • โรงแรมในไทย และ Maldives เข้าสู่ Peak Season ส่งผลให้มี RevPar ปรับตัวสูงขึ้น 57% QoQ และ 70% YoY ตามลำดับ โดย RevPar ของไทยอยู่ในระดับที่ใกล้เคียง Pre-COVID ในขณะที่ Maldives และ Australia มี RevPar สูงกว่า Pre-COVID ที่ 35%
  • รายได้กลุ่มร้านอาหารคาดมี SSSG ปรับตัวสูงขึ้น 4% YoY โดยที่ไทยและ Australia มี SSS เติบโต 15% YoY ในขณะที่จีนมี SSS ปรับตัวลูกลง 20% YoY เนื่องจากยังคงมีการ Lockdown ในบางพื้นที่ แต่ได้ลดความเข้มงวดในการ Lockdown ลงช่วงต้นเดือนธ.ค. 2565

ปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรปี 2565-2566

เราปรับเพิ่มคาดการณ์กำไรสุทธิปี 2565-2566 จาก 1.02 พันล้านบาท และ 3.96 พันล้านบาท เป็น 4.44 พันล้านบาท และ 5.58 พันล้านบาท ตามลำดับ หลังจากปรับคาดกาณ์รายได้จากกลุ่มโรงแรมขึ้น จากการที่ ADR สามารถยืนที่ระดับ Pre-COVID ได้ ในขณะที่โรงแรมในยุโรปมี ADR สูงกว่าช่วง Pre-COVID แล้ว และคาดว่าใน 1Q66 จะมี Momentum ที่ดีต่อเนื่องจากการเปิดประเทศของจีนที่เร็วกว่าที่เคยคาดการณ์ ประกอบกับ Pent Up Demand ในการจัด Trade Fair และ Business Travel ในยุโรปที่จะช่วยลดผลกระทบของช่วง Low Season ของโรงแรมในยุโรป ในขณะที่ต้นทุนค่าไฟคาดว่าเริ่มมีเสถียรภาพและผ่านจุด Peak มาแล้ว ทั้งนี้ MINT ได้ทำการ Lock ราคาต้นทุนไปบางส่วนเพื่อลดความผันผวนและควบคุมค่าใช้จ่ายได้

ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 40.50 บาท

ยังคงคำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมายใหม่ปี 2566 ที่ 40.50 บาท (จาก 35.80 บาท) จากการอิงผลประกอบการปี 2566 โดยที่รายได้และกำไรมีการฟื้นตัวต่อเนื่องจากปี 2565 ในทุกกลุ่มธุรกิจ หลังจากกิจกรรมต่างๆ เริ่มกลับมาสู่สภาวะปกติ โดยปัจจุบันราคาหุ้น MINT ถือว่า Laggard เมื่อเทียบกับกลุ่ม เนื่องจากนักลงทุนมีความกังวลจาก Utility Cost ในยุโรปที่สูงขึ้น เรามองว่าราคาที่ปรับตัวลดลงมาได้ Priced in ปัจจัยลบต่างๆ ไปแล้ว

- Advertisement -