บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +31.6%

Close Feb 3, 2023 Price (THB) 4.56

12M Target (THB) 6.00

Previous Target (THB) 5.00

What’s new?

  • คาดกำไรปกติ 4Q65 ที่ 159 ล้านบาทเติบโต YoY เพราะปริมาณน้ำในลาวที่สูงขึ้น YoY ทำให้ปริมาณขายไฟฟ้าของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาวทั้งสองแห่งสูงขึ้น YoY ขณะที่การลดลง QoQ เป็นผลจากปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้า พลังงานน้ำในลาว
  • กำไรปกติ 1Q66 มีแนวโน้มเติบโต YoY จากการฟื้นตัวของธุรกิจการขายไฟฟ้าให้กับกลุ่ม IU หลังมีการปรับขึ้นค่า Ft สำหรับงวด ม.ค. – เม.ย. 2566 จํานวน +61.49 สตางค์/หน่วย

Our view

  • จากการเก็บข้อมูลย้อนหลัง 5 ปี CKP มักเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดตั้งแต่ช่วงหลังการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ไปจนสิ้นสุดไตรมาส 3 ทำให้เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการลงทุนในระยะกลาง-ยาว
  • คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 6.00 บาท/หุ้น มี Upside +31.6 โดยราคาปัจจุบันซื้อขายบน PER2566 ที่ 16x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ 18x ทำให้ Downside เริ่มจํากัด คงคำแนะนำ “ซื้อ”

CK POWER คาดกำไรปกติ 4Q65 เติบโต YoY

คาดกำไรปกติ 4Q65 เติบโต YoY จากปริมาณน้ำที่มากกว่าปีก่อน

คาดกำไรปกติ 4Q65 ที่ 159 ล้านบาท (-89% QoQ, +29% YoY) แม้มีผลกระทบจาก Adder ที่หมดอายุของโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บางเขนชัย (BKC) ขนาด BMW แต่คาดกำไรปกติสามารถเติบโต YoY ได้ เพราะการเกิดปรากฏการณ์ลานีญาในปี 2565 ทำให้จีนมีการปล่อยน้ำออกจากเขื่อนมากขึ้น และส่งผลให้ปริมาณน้ำในประเทศลาวสูงขึ้น YoY โดยปัจจัยดังกล่าวทำให้โรงไฟฟ้าพลังงานน้ำน้ำงึม 2 (NN2) และโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำไซยะบุรี (XPCL) มีปริมาณขายไฟฟ้าที่สูงขึ้นราว +2% YoY และ +5% YoY ตามลำดับ ขณะที่การลดลง QoQ เป็นผลจากปัจจัยฤดูกาลของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาว และการรับรู้ผลกระทบของ Adder ที่หมดลงแบบเต็มไตรมาสเป็นหลัก หากกำไรปกติ 4Q65 ออกมาใกล้เคียงคาด จะทำให้กำไรปกติปี 2565 ใกล้เคียงกับประมาณการของเรา

กำไรปกติ 1Q66 มีโอกาสเติบโต YoY จากฐานที่ต่ำในปีก่อน

แม้ปริมาณน้ำในลาวเริ่มกลับสู่ระดับปกติ หลังปรากฏการณ์ลานีญาเริ่มคลี่คลาย แต่เบื้องต้นคาดกำไรปกติ 1Q66 มีโอกาสเติบโต YoY จากฐานที่ต่ำได้ เนื่องจากได้รับอานิสงส์จากการปรับขึ้นค่า Ft รอบเดือน ม.ค. – เม.ย. 2566 จำนวน +61.49 สตางค์/หน่วย และเมื่อประกอบกับต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่เริ่มมี Upside จำกัด (ผลจากราคาก๊าซธรรมชาติในตลาดโลกที่เริ่มปรับตัวลง และปริมาณการผลิตก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยที่เริ่มฟื้นตัว หลังผ่านช่วงเปลี่ยนผ่านสัมปทาน) ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นสำหรับการขายไฟฟ้าให้กับกลุ่มผู้ใช้งานอุตสาหกรรม (IU) มีแนวโน้มฟื้นตัว YoY ขณะที่ QoQ คาดกำไรปกติลดลงจากการเข้าสู่ช่วง Low Season ของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำในลาวเป็นหลัก

หุ้นมีโอกาส Outperform ตลาดหลังประกาศงบ 4Q65

ราคาหุ้นมีการปรับตัวลงมาราว -7% ในช่วง 4 เดือนที่ผ่านมาจาก 1) กำหนดการลงนามในสัญญา PPA ของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบางที่ล่าช้า (คาดมีการลงนามใน 1Q66 จากเดิม 4Q65) และ 2) ขาดปัจจัยหนุนในระยะสั้น หลังบริษัทฯมีการยื่นเสนอขายไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนให้กับ กกพ. น้อยกว่าผู้ประกอบการโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนรายอื่น (มีโครงการที่ผ่านเกณฑ์ด้านเทคนิค 1 โครงการ ขนาดราว 6-BMW) ทำให้ไม่ใช่ตัวเลือกหลักของตลาดในการเก็งกำไรในประเด็นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม หุ้นมีโอกาสกลับมาเคลื่อนไหวได้ดีกว่าตลาดหลังการประกาศงบ 4Q65 จากการเก็บข้อมูลเชิงสถิติ 5 ปีย้อนหลัง พบว่าราคาหุ้น CKP มักปรับตัวขึ้นเฉลี่ยราว 22% ตั้งแต่วันที่มีการประกาศผลประกอบการไตรมาส 4 ไปจนสิ้นสุดไตรมาส 3 เทียบกับ SET ที่ปรับตัวลงเฉลี่ยราว -3% ทำให้ CKP ถือเป็นตัวเลือกที่มีความน่าสนใจ

สำหรับการลงทุนในระยะกลาง-ยาว คงคำแนะนำ “ซื้อ”

คงราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ที่ 6.00 บาท/หุ้น มี Upside +31.6% ราคาปัจจุบันซื้อขายอยู่บน PER2566 ที่ 16x ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตที่ราว 18x ทำให้ Downside เริ่มจำกัด ขณะที่การลงนามในสัญญา PPA ของโรงไฟฟ้าพลังงานน้ำหลวงพระบางในช่วง 1๐66 (กำหนด COD ภายในปี 2573) และการฟื้นตัวของผลประกอบการของธุรกิจการขายไฟฟ้าให้กับกลุ่ม IU จะเป็นปัจจัยที่ช่วยหนุนการฟื้นตัวของราคาหุ้นได้ คงคำแนะนำ “ซื้อ”

- Advertisement -