สิวารมณ์ “SVR” ฤกษ์ดี ลั่นระฆังเทรด mai 8 ก.พ.นี้ ขึ้นแท่นผู้นำพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบ “Premium Economy” รายแรก
บมจ.สิวารมณ์ เรียลเอสเตท “SVR” พร้อมเทรด mai 8 ก.พ.นี้ ประกาศตอกย้ำ ขึ้นแท่นผู้นำพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แบบ“Premium Economy” รายแรก พร้อมชูจุดแข็งเหนือคู่แข่ง “หมุนรอบเร็ว (Quick turnover), ก่อสร้างเร็ว – ขายเร็ว – ส่งมอบเร็ว , บ้านความคุ้มค่าในระดับพรีเมียม” สะท้อนการเป็นหุ้น High Growth – High Return
นายรณฤทธิ์ ฐิติสุริยารักษ์ กรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านการเงินอาวุโส บริษัท สิวารมณ์ เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ “SVR” เปิดเผยว่า บริษัทฯมีความพร้อมในการนำหุ้น“SVR”เข้าทำการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ (mai) หมวดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในวันที่ 8 กุมภาพันธ์นี้ ภายใต้ชื่อย่อ “SVR” การที่บริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯครั้งนี้ ทำให้บริษัทฯ เปิดโอกาสจัดหาแหล่งเงินทุนจากตลาดทุน และเป็นโอกาสดีที่นักลงทุนจะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จและเติบโตไปพร้อมๆ กับ“SVR”
ทั้งนี้ บริษัทฯวางแผนจัดหาที่ดิน ที่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการใหม่ๆ ให้ครอบคลุมเขตกรุงเทพฯ และ ปริมณฑล และพร้อมการสู่การเติบโตในระดับ High Growth (หุ้นที่มีอัตราการเติบโตสูง) High Return (หุ้นที่มีผลตอบแทนสูง) ได้อย่างมั่นคงยั่งยืน สู่การเป็นผู้นำพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบ Premium Economy เป็นรายแรก
สำหรับจุดแข็ง SVR คือ
- พัฒนาโครงการที่หมุนรอบเร็ว หรือ Quick turnover : วิเคราะห์ทำเลตั้งแต่การเลือกซื้อที่ดิน พร้อมวางแผนในการซื้อที่ดินต่อโครงการไม่เกิน 50 ไร่ ทำให้สามารถกระจายการพัฒนาโครงการได้ ในหลากหลายพื้นที่ ซึ่งมีความเหมาะสมกับความต้องการและไม่เกิดอุปทานส่วนเกิน ส่งผลให้โครงการของ “SVR” สามารถขายได้หมดภายใน 1 ถึง 3 ปี ทำให้บริษัทฯสามารถหมุนรอบในการทำการขายได้เร็ว
- ก่อสร้างเร็ว – ขายเร็ว – ส่งมอบเร็ว : การก่อสร้างด้วยระบบ Precast (พรีคาสท์) เพื่อลดระยะเวลาในการก่อสร้าง ทำให้ลดภาระดอกเบี้ยเงินกู้ นอกจากนี้ บริษัทฯมีอำนาจในการต่อรองราคาวัสดุก่อสร้าง จาก Suppliers (ซัพพลายเออร์) ส่งผลให้บริษัทฯมีอัตราการทำกำไรที่ดี
- ความ“คุ้มค่า”แบบPremium Economy : บริษัทฯสร้างบ้านแบบ Premium Economy ให้ลูกค้าสัมผัสได้ถึงความคุ้มค่าของบ้านในระดับพรีเมียม บนพื้นฐานของราคาบ้านที่ประหยัดในระดับราคา 1-7 ล้านบาท โดยกลยุทธ์ดังกล่าวสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการที่อยู่อาศัยจริง (Real Demand) และตอบโจทย์ทุกLifestyle ทุก Generation ได้อย่างลงตัว
ส่วนนโยบายในการจ่ายเงินปันผลนั้น บริษัทฯมีนโยบายจ่ายในอัตราไม่ต่ำกว่า 40% ของกำไรสุทธิของงบการเงินเฉพาะกิจการ โดยในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯยังไม่มีการจ่ายปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ดังนั้นโอกาสที่นักลงทุนที่เข้ามาลงทุนในหุ้น SVR ขณะนี้ ก็มีสิทธิได้รับเงินปันผลที่คุ้มค่า
ด้าน นายเอกจักร บัวหภักดี กรรมการผู้จัดการ บริษัท แคปปิตอล วัน พาร์ทเนอร์ จำกัดกล่าว ในฐานะบริษัทที่ปรึกษาทางการเงินว่า SVR มุ่งเน้นการพัฒนาโครงการบ้านแนวราบ ในระดับราคา 1-7 ล้านบาท ซึ่งเป็นตลาดที่มีขนาดใหญ่ที่สุด และเป็นกลุ่ม Real Demand สูง เพื่อตอบสนองความต้องการที่อยู่อาศัยแบบ Premium Economy (ความคุ้มค่า) และด้วยวิสัยทัศน์การบริหารธุรกิจ ภายใต้กลยุทธ์การบริหารจัดการต้นทุน การสร้างบ้านที่มีความคุ้มค่าให้กับลูกค้า และความสามารถรับรู้รายได้จากการโอนได้อย่างรวดเร็ว เป็นปัจจัยเชิงบวก ที่ส่งผลให้ SVR เติบโตสู่ระดับ High Growth ได้อย่างมั่นคง อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า SVR เป็นบริษัทฯที่มีอัตราการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่อง และมีความเสี่ยงต่ำ โดยบริษัทฯ มีนโยบายบริหารจัดการอัตราหนี้สินต่อทุน ภายหลัง IPO ให้อยู่ในระดับไม่เกิน 2 :1 เท่า หนุนให้ภาพรวมธุรกิจมีศักยภาพเติบโตอย่างแข็งแกร่ง ดังนั้น จึงมองว่าหุ้นอสังหาฯน้องใหม่ IPO “SVR” จึงเป็นหนึ่งในหุ้นที่น่าจับตา และสร้างผลตอบแทนที่ดีให้กับนักลงทุน