ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

แกว่งตัวในกรอบแคบๆ ติดตามถ้อยแถลงประธานเฟด คืนวันนี้

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันอังคาร เทรดไซด์เวย์… หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยปรับฐานลง (ตามคาด) ตามฟันด์โฟลว์ต่างชาติที่พลิกมาเป็นฝั่งขายสุทธิต่อเนื่อง ซึ่งเราได้ประเมินไว้แล้วในกลยุทธ์รายสัปดาห์ว่าค่าเงินบาทน่าจะอ่อนค่าพอสมควรในระยะสั้น กระทบต่อโฟลว์หุ้นไทย….. ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมต่อตลาดหุ้นเป็นกลาง กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงซึมต่อเมื่อคืนนี้ เนื่องจากนักลงทุนยังมีความกังวลต่อแนวนโยบายการเงินของ ธ.กลางสหรัฐฯ (เฟด) หลังจากตัวเลขจ้างงานและตัวเลขภาคบริการเดือน ม.ค. ออกมาแข็งแกร่งมากเมื่อศุกร์ที่แล้ว โดยในคืนวันนี้ ประธานเฟด Jerome Powell จะมีการแถลงประเด็นเศรษฐกิจที่ Economic Club of Washington ซึ่งการส่งสัญญาณนโยบายของเขาจะมีผลต่อจิตวิทยาของตลาดการเงินโลก ii) ในฝั่งยุโรป ตัวเลข S&P Global PMI ในภาคการก่อสร้าง ฟื้นตัวแรงมาที่ 46.1 (consensus คาด 43.1) น่าจะช่วยคลายกังวลต่อเศรษฐกิจยุโรปในช่วงสั้นๆ นี้ และส่งผลให้ดัชนีค่าเงินดอลล่าร์ฯ ไม่แข็งค่ามากเมื่อคืน (เพราะสกุลเงินยูโรแข็งค่าขึ้นเช่นกัน)… ทั้งนี้ ด้วยภาวะตลาดที่มีแรงส่งน้อยลงจากฟันด์โฟลว์ ฝ่ายวิจัยมองว่าหุ้นขนาดกลางและเล็กจะกลับมาเด่น กว่า ขณะที่หุ้นตัวหลักๆ น่าจะพักสร้างฐานตามภาวะตลาด

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน

เก็งกำไร PLUS, ILM, SAMART

  • PLUS (เป้าพื้นฐาน 11.4 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 9.35 บาท / แนวต้าน 9.6 – 9.8 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 10.2 บาท (Stop loss 9.1 บาท) 2) ประเมินรับ Sentiment บวกจาก i) ค่าเงินบาทเริ่มมีทิศทางอ่อนค่า หนุนธุรกิจส่งออก ii) จีน เปิดประเทศ คาดสัดส่วนยอดขายน้ำมะพร้าวไปจีนมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น (ปัจจุบันสัดส่วนส่งออกไปจีน ราว 8-10%) 3) เราประเมินกำไรปี 2566 จะสูงกว่าที่ฝ่ายวิจัยฯคาด มี Upside ให้ปรับประมาณการ ฯ ขณะที่ Forward PE บนประมาณการฯ ปัจจุบันของฝ่ายวิจัยฯ อยู่ที่ราว +/- 30 เท่า (มีโอกาสลดลงอีก เพราะประมาณการฯมี Upside) ใกล้เคียงกลุ่มเครื่องดื่มที่ 25 – 30 เท่า
  • ILM (เป้า Consensus 23.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 19.5 บาท / แนวต้าน 20.0 บาท กรณี Break ผ่านแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 21.0 บาท (Stop loss 19.0 บาท) 2) ประเมิน Sentiment บวกจาก i) การฟื้นตัวของภาคอสังหาฯ ทั้งคอนโดฯและบ้านแนวราบในปีนี้ หนุนยอดขายสินค้าเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ii) การฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว หนุนธุรกิจ Community mall และรายได้ค่าเช่าพื้นที่ 3) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงาน 4Q65 โต QoQ, YoY และดีต่อเนื่องใน 1Q66 รับอานิสงค์โครงการช้อปดีมีคืน และยอดโอนอสังหาฯที่โตเด่น 4) Valuation ยัง Laggard กลุ่มฯ โดย Forward PE ปีนี้ต่ำเพียง +/- 14 เท่า และคาดปันผลที่เหลือของปี 2565 อีก 0.45 บาท/หุ้น (Yield 2.3%)
  • SAMART (ยังไม่มีราคาเป้าหมายพื้นฐานใน Consensus) 1) ประเมินแนวรับ 5.65 บาท / แนวต้าน 5.8 – 5.9 บาท (ค่าเฉลี่ย 200 วันแบบ SMA EMA) กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาส Rebound ทดสอบแนวต้านถัดไป +/- 6.5 บาท (Stop loss 5.5 บาท) 2) ประเมินเป็นหุ้นที่รับอานิสงค์การเปิดประเทศ แต่ราคาหุ้นยัง Laggard โดย i) ธุรกิจวิทยุการบินกัมพูชา เริ่มฟื้นตัว (ปริมาณการเดินทางผ่านสนามบินกัมพูชาเริ่มกลับมาราว +/-50% แล้ว) ii) คาดยอดขายเบียร์ในประเทศที่ฟื้นตัวตามการท่องเที่ยว จะหนุนรายได้จากการรับจ้างยิ่งรหัสควบคุมบรรจุภัณฑ์บนภาชนะบรรจุเบียร์ เพื่อการจัดเก็บภาษีฯ (คาดรับรู้รายได้ปีนี้ >1 พันล้านบาท) 3) ประเมินธุรกิจวิทยุการบินที่กัมพูชา เตรียมยื่นไฟลิ่งภายใน 1Q66 และคาดผู้ถือหุ้น SAMART จะได้สิทธิการจองซื้อหุ้นลูก Pre-emptive right

หุ้นมีข่าว

(+) WICE-SAT ร่วมพัฒนาที่ดิน มุ่ง Green Logistics Hub แบบครบวงจร (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) “ไวส์ โลจิสติกส์” ร่วมมือทางธุรกิจกับ “สมบูรณ์ แอ๊ดวานซ์ เทคโนโลยี” ศึกษาการพัฒนาที่ดินในระยะยาวของ SAT รวมพื้นที่กว่า 50,000 ตร.ม. เพื่อพัฒนาโครงการ Green Logistics Hub คลังสินค้า และศูนย์กระจายสินค้าที่ทันสมัยในย่านบางนาและจังหวัดระยอง เพื่อยกระดับการให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจร

(+) GULF*-ADVANC* รุกดาต้า เพิ่มธุรกิจต่อยอด (ทันหุ้น) GULF* ผนึกกำลัง ADVANC* Singtel เดินหน้าก่อสร้างโครงการดาต้าเซ็นเตอร์ ขนาดกว่า 20 เมกะวัตต์ เพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ คาดเปิดให้บริการปี 2568 ด้าน ADVANC* วาง 5 กลยุทธ์ สร้าง Digital Business Ecosystem พร้อมทั้งตั้งเป้าหมายเป็นพันธมิตรดิจิทัล อันดับ 1 ในใจของผู้ประกอบการ ขับเคลื่อนธุรกิจปีนี้

(+) EA* เซ็นสัญญาคลังมี.ค.! รับหนุนแบต 2.4 พันล้าน ‘อาคม’ ชงครม.เดือนนี้ GPSC* – บีวายดี CATL ร่วมแข่งเดือด (ข่าวหุ้น) “อาคม” เตรียมเสนอมาตรการสนับสนุนแบตฯ พร้อมภาษีเข้าครม. ภายในเดือนนี้ ก่อนเปิดให้เอกชนเข้าเซ็นสัญญาร่วมโครงการเดือนมีนาคม 66 มองตลาดแบตฯ แข่งเดือด เจ้าใหญ่ EA* GPSC* ปะทะกลุ่มผลิตรถ-แบตฯ จีน CATL และบีวายดี ด้านพลังงานบริสุทธิ์รับเงินอุดหนุนภาครัฐมากสุด 2.4 พันล้านบาท ผู้บริหารลั่นพร้อมขยายกำลังผลิตเกิน 8 กิกะวัตต์ มองผู้ผลิตแบตฯ จีนไม่ใช่คู่แข่ง เนื่องจากผลิตขายคนละตลาดกัน ร่อนหนังสือเชิญนายกฯ มาเลย์ชมโรงงานแบตฯ ใหญ่สุดในไทย

(+) DELTA* ซื้อ 50 หุ้นได้วันนี้ ชี้เทรดสนั่นบนยอดดอย (ทันหุ้น) DELTA เริ่มหน่วยซื้อขายใหม่เป็น 50 หุ้น จากเดิม 100 หุ้น โบรกเกอร์มองเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายฟรีโฟลตเพิ่มขึ้น นักลงทุนรายย่อยสามารถเข้าถึงได้มากขึ้น พร้อมเตือนให้ระมัดระวัง เพราะราคาหุ้นปัจจุบันเกินราคาเป้าหมายมากแล้ว แม้แนวโน้มผลประกอบการปี 2566 จะยังเติบโตก็ตามจากธุรกิจ EV Car ที่เติบโต และอุปสรรคด้านห่วงโซ่อุปทานที่ลดลง จากการเปิดประเทศ ชี้ไม่กระทบตลาดโดยรวม แม้จะเป็นหุ้นที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่สุดของตลาด

(+) SPAL!* บุกโครงการแนวราบ (ไทยโพสต์) “ศุภาลัย” ประกาศเดินหน้าส่ง 34 โครงการบุกโครงการแนวราบ ตั้งเป้าหมายยอดขาย 25,200 ล้านบาท พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการจังหวัดเมืองรองใกล้กรุงเทพฯ เพิ่ม เชื่อมั่นแนวราบยังเติบโตได้อีก พร้อมส่งแบบบ้าน Tropical Modern Series โดนใจคนทุกเจเนอเรชันในหลายโครงการทั่วประเทศ

หุ้นที่แนะนำก่อนหน้า

  • BJC* (เป้า Consensus 38.7 บาท) แนวรับ 37.75 บาท / แนวต้าน 39.25-40 บาท (Trailing stop 37.5 บาท)
  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 33.5 บาท / แนวต้าน 36 บาท กรณีผ่านแนวต้านได้ แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 32.5 บาท)
  • WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) แนวรับ 3.9 บาท / แนวต้าน 4.02-4.10 บาท (Stop loss 3.9 บาท)
  • NEX (เป้า Consensus 23.3 บาท) แนวรับ 17.8 บาท / แนวต้าน 18.5-18.8 บาท (Stop loss 17.6 บาท)
  • KSL (เป้า Consensus 4.95 บาท) แนวรับ 3.60 บาท / แนวต้าน 3.78-3.90 บาท (Stop loss 3.60 บาท)
  • BH* (เป้าพื้นฐาน 250 บาท) แนวรับ 214 บาท / แนวต้าน 222-227 บาท (Stop loss 214 บาท)
  • ZEN* (เป้าพื้นฐาน 21 บาท) แนวรับ 17.5 บาท / แนวต้าน 18.4-18.7 บาท (Stop loss 17.4 บาท)
  • GLOBAL* (เป้าพื้นฐาน 24.4 บาท) แนวรับ 20.7 บาท / แนวต้าน 21.4-22.0 บาท (Stop loss 20.6 บาท)
  • LEO (เป้า Consensus 14.1 บาท) แนวรับ 12.7 บาท / แนวต้าน 13.1-13.5 บาท (Stop loss 12.5 บาท)

สรุป Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • SAPPE แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 60 บาท ฝ่ายวิจัยฯ ปรับประมาณการฯ จากการปรับสมมติฐานยอดขายขึ้น (ขยายตลาดใหม่ๆ) และคาดอัตรากำไรฟื้นตัวจากต้นทุนลดลง คงคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับเป้าพื้นฐานขึ้นเป็น 60 บาท (เดิม 52.5 บาท)
  • QH* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 2.9 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 4Q65 = 675 ล้านบาท (+37% YoY, +5% QoQ) ระยะสั้นคาดแนวโน้มผลการดำเนินงานยังดีต่อเนื่องใน 1Q66 ฝ่ายวิจัยฯปรับประมาณการฯ ขึ้น และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 2.9 บาท (เดิม 2.7 บาท) แต่คงคำแนะนำ “ถือ”
  • PSH* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 14.2 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 4Q65 = 1 พันล้านบาท (+13%YoY +68% QoQ) คาดแนวโน้มผลการดำเนินงานยังดีต่อเนื่องใน 1Q66
  • PLANB* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 8.8 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q65 = 202 ล้านบาท (+74% YoY, +16% QoQ) ฝ่ายวิจัยฯ ยังคงมุมมองบวกต่อแนวโน้มสื่อนอกบ้านที่ฟื้นตัวตามการเปิดประเทศ อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นปรับขึ้นจนทำให้ Upside จำกัด จึงปรับลดคำแนะนำลงเป็น “ถือ” (เดิม “ซื้อ”)

Daily Trading Stocks

มุมมอง SET Index (Morning Session 7-Feb-23)

SET Index: คาดพักฐาน แต่หากหลุด 1680 downside เปิดแนวรับถั ไป 1670

  • SET Index ปิด 1682.11, -6.25 จุด, -0.37%, มูลค่าการซื้อขาย 4.79 หมื่นล้านบาท
  • SET Index วันเมื่อวานนี้: ดัชนีปรับตัวลงจากแรงขายเด่นหุ้นกลุ่มพลังงาน อสังหาริมทรัพย์ หรือค้าปลีก
  • SET Index เช้านี้: คาดดัชนีแกว่งพักฐานออกข้างในกรอบ 1680-1690 ระยะสั้นภายในวันหากไม่หลุด 1680 ยังลุ้น rebound ระหว่างวันได้ แต่หากหลุด 1680 downside ด้านล่างจะเปิดมากขึ้น ดัชนีจะมีโอกาสปรับตัวลงทดสอบแนวรับกรอบล่าง downtrend บริเวณ 1665 ดังนั้นหากหลุด 1680 แนะนำชะลอการลงทุน และอาจไปทยอยสะสมบริเวณ 1670
  • แนวรับ 1670 / 1680 แนวต้าน 1695 / 1710
  • กรณีผิดคาด: ดัชนีหลุดแนวรับกรอบ downtrend ที่ 1665 อาจชะลอการลงทุน เพราะระยะกลางดัชนีจะมีแนวโน้มพักฐานต่อ
  • กลยุทธ์การลงทุน
    • มีหุ้น: จังหวะ rebound หากยังผ่านแนวต้าน 1690-1695 ได้ไม่เด็ดขาด มองเป็นโอกาสขายทำกำไรเพื่อเล่นรอบ
    • ไม่มีหุ้น: หากอ่อนตัวไม่หลุด 1680 แนะนำทยอยซื้อหุ้นเพื่อเก็งกำไร แต่หากหลุด 1680 เน้นชะลอการลงทุน แล้วรอสะสมบริเวณ 1670

Strategic SET Daily

หุ้นเด่นทางเทคนิค: BLA, ERW

BLA* กราฟรายวัน

ราคากลับตัวขึ้นแบบ Head and Shoulders หัวกลับขณะน้ีราคาใกล้ break แนวต้าน neckline ประกอบกับมีสัญญาณบวกจาก MACD ที่อยู่เหนือเส้น Signal ในแดนบวก มองว่าน่าเก็งกำไรระยะสั้น เพื่อคาดหวังการปรับตัวขึ้น

Volume Analysis

กลยุทธ์การลงทุน

ที่ราคาปิด 30.25 มองว่าน่าซื้อเก็งกำไร เพราะหากราคาผ่านแนวต้านที่ 30.50 ซึ่งมีปริมาณการซื้อขาย ประมาณ 15 ล้านหุ้น โดยหลังจากนั้น แนวต้านปริมาณการซื้อขายจะลดลง เหลือประมาณ 8 ล้านหุ้นต่อแท่ง ถือว่าแนวต้านปริมาณการซื้อขายลดไปกว่า 47% จึงคาดว่าราคาจะปรับตัวขึ้นต่อได้ง่าย

คำแนะนำ: ซื้อเก็งกำไรที่แนวรับ 29.00-30.00 คาดหวังการขึ้นทดสอบแนวต้านระยะสั้นที่ 31.00 หรือ 32.00 ตัดขาดทุนเมื่อหลุด 28.50

แนวโน้มราคา

ERW กราฟรายวัน
ราคาฟอร์มการพักตัวแบบ flag ขณะน้ี ราคาปรับตัวขึ้นใกล้ break แนวกรอบบนของ flag มองว่าน่าเก็งกำไรในระยะสั้น เพื่อคาดหวังการปรับตัวขึ้น

Volume Analysis

กลยุทธ์การลงทุน

ที่ราคาปิด 4.90 มองว่าน่าซื้อ เพราะหากราคาได้ผ่านแนวต้านที่ 4.88 ซึ่งมีปริมาณการซื้อขายประมาณ 20 ล้านหุ้น โดยหลังจากนั้น แนวต้านปริมาณการซื้อขายลดลงเหลือประมาณ 8.5 ล้านหุ้นต่อแท่ง ถือว่าแนวต้านปริมาณการซื้อขายลดไปกว่า 58% จึงคาดว่าราคาจะปรับตัวขึ้นต่อได้ง่าย

คำแนะนำ:ซื้อเก็งกำไรที่แนวรับ4.80-4.86 คาดหวังการขึ้นทดสอบแนวต้านระยะสั้นที่ 5.00 หรือ 5.10 ตัดขาดทุนเมื่อหลุด 4.76

กลยุทธ์หุ้นที่เคยแนะนำ

หมายเหตุ

  1. กลยุทธ์หุ้นที่เคยแนะนำ คือ การติดตามคำแนะนำหุ้นทางเทคนิคที่เคยแนะนำไว้ในช่วง 5 วันที่ผ่านมา
  2. คำแนะนำแบ่งเป็น 3 แบบ คือ “ถือ” หมายถึง ถือหุ้น หรือคงสถานะตามเดิม, “ขายทำกำไร” หมายถึงขายที่ราคา Trailing Stop หรือแนวต้านที่ 2, “ขายขาดทุน” หมายถึง ขายที่ราคา Stop Loss
  3. ราคาต้นทุน คือ ราคาเปิดของหุ้นในวันที่แนะนำ ซึ่งเป็นเพียงราคาสมมติเพื่ออ้างอิงคำแนะนำหุ้นตัวนั้นๆ ทั้งน้ีมิได้เป็นการแนะนำให้ซื้อหุ้นที่ราคาเปิดแต่อย่างใด
  4. หุ้นจะถูกนำออกจากตาราง 2 กรณี ดังนี้ i) ปรับตัวถึงแนวต้านที่ 2 หรือ Trailing หรือ Stop Loss อย่างใดอย่างหนึ่ง ii) อยู่ในตารางเกิน 5 วันทำการ
  5. Trailing Stop คือ จุดของราคาที่ใช้เป็นจุดขายทำกำไร หรือขายเพื่อรักษาต้นทุนส่วนมากจะถูกกำหนดเมื่อราคาปรับตัวขึ้นจากราคาต้นทุน
  6. หุ้นและคำแนะนำในตารางด้านบนเป็นเพียงแนวทางการลงทุนเท่านั้น โดยมิได้รับรองผลตอบแทนจากการลงทุนแต่อย่างใด

หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บนหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus

- Advertisement -