บล.บัวหลวง:
GFPT (GFPT TB/GFPT.BK)
GFPT – ความคาดหวังต่อกำไรปี 2566 ที่ลดลงจากเดิม
ถึงแม้ว่าอัตราการเติบโตของกำไรปี 2566 จะเป็นปัจจัยที่ท้าทายอย่างมาก (เนื่องจากฐานกําไรที่สูงมากในปี 2565) และความคาดหวังต่อกําไรปี 2566 ของเราที่ถูกปรับลดลงจากเดิม แต่เราก็ยังคงคําแนะนํา “ซื้อเก็งกำไร” หุ้น GFPT เนื่องจากมูลค่าหุ้นที่ยังคงถูก โดยซื้อขายที่ PER ปี 2556 เพียงแค่ 9 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ย PER ระยะยาวของหุ้นซึ่งอยู่ที่ 10.8 เท่า
ราคาโครงไก่และราคาลูกเจี๊ยบอ่อนตัวลงอีกเล็กน้อยในเดือนก.พ.
ภายหลังจากเทศกาลตรุษจีน เราเห็นราคาโครงไก่ในประเทศปรับลดลงอีก 6% จาก 25.5 บาท/กก. (13 ธ.ค. 2565-29 ม.ค. 2566) เหลือ 24 บาท/กก. (30 ม.ค.-6 ก.พ.) และราคาลูกเจี๊ยบปรับลดลงอีก 10% จาก 19.25 บาท/ตัว (25 ก.ค. 2565-29 ม.ค. 2566) เหลือ 17.25 บาท/ตัว (6 ก.พ.) เรามองว่าการปรับตัวลดลงของราคาลูกเจี๊ยบหมายความว่าอุปทานพันธุ์ไก่ที่เริ่มกลับมาเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่ราคาชิ้นส่วนไก่ที่เริ่มจะปรับตัวลดลง สะท้อนถึงอุปสงค์ที่ลดลงตามปัจจัยฤดูกาลหลังจากช่วงเทศกาลตรุษจีน การปรับตัวลดลงของราคาลูกเจี๊ยบถือว่าเป็นปัจจัยเชิงลบ เนื่องจากการลดลงของราคาลูกเจี๊ยบเป็นตัวบ่งชี้ล่วงหน้าสำหรับราคาไก่มีชีวิตหน้าฟาร์มที่มีแนวโน้มปรับลดลงในอีก 45-60 วันข้างหน้า ราคาไก่มีชีวิตของกทม. ยังคงทรงตัวที่ 41 บาท/กก. ตั้งแต่วันที่ 8 ธ.ค. 2565 ในขณะที่ราคาไก่มีชีวิตในต่างจังหวัดยังคงอยู่ในกรอบราคา 44-46 บาท/กก. ตั้งแต่เดือนต.ค. 2565 เป็นต้นมา
คาดราคาไก่ส่งออกเฉลี่ยลดลง YoY ส่าหรับในปี 2566
เราคาดวอลุ่มไก่ส่งออกของ GFPT ในปี 2566 มีแนวโน้มทรงตัว YoY (หรืออยู่ที่ 3.23 หมื่นตัน) เนื่องจากวอลุ่มส่งออกไปยังยุโรปที่คาดว่าจะปรับตัวลดลง ถูกกลบด้วยวอลุ่มส่งออกไปยังญี่ปุ่นและจีนที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น ภาวะเศรษฐกิจที่ถดถอยในยุโรปได้ส่งผลให้ลูกค้ายุโรปมองหาไก่ราคาถูกจากแหล่งอื่นแทนประเทศไทยและต่อราคาลง จากเดิมประเทศญี่ปุ่นและจีนจะเป็นตลาดหลักที่คาดว่าจะเติบโตได้ในปี 2566 โดยมีปัจจัยหนุนจากการเปิดประเทศ ซึ่งกระตุ้นจํานวนนักท่องเที่ยวและหนุนการบริโภคเนื้อสัตว์ให้ปรับตัวเพิ่มขึ้น และเนื่องจากอัตราค่าระวางเรือได้บวกรวมอยู่ในราคาส่งออกตามรูปแบบการชื้อขายแบบ CIF เราจึงคาดว่าราคาไก่ส่งออกเฉลี่ยในรูปสกุลเงินบาทมีแนวโน้มที่จะลดลง YoY สำหรับในปี 2566 เนื่องจากอัตราค่าระวางเรือที่ได้ปรับลดลงแล้วตั้งแต่ไตรมาส 4/65 และคาดว่าจะลดลงต่อเนื่องไปในปี 2566 บวกกับค่าเฉลี่ยเงินบาท/เหรียญสหรัฐ ที่แข็งค่าขึ้นในปี 2566 เราใช้สมมติฐาน ราคาไก่ส่งออกเฉลี่ยที่ 4,250 เหรียญสหรัฐ/ตัน สําหรับในไตรมาส 4/65 หรือลดลง 6% QoQ (จากอัตราค่าระวางเรือที่ปรับลดลง) โดยราคาไก่ส่งออกไปยังยุโรปคาดว่าจะลดลง 7% QoQ (เหลือ 4,100 เหรียญสหรัฐ/ตัน) ในขณะที่ราคาไก่ส่งออกไปยังญี่ปุ่น คาดว่าจะทรงตัว QoQ (อยู่ที่ 4,600 เหรียญสหรัฐ/ตัน) และสําหรับในปี 2566 เราคาดว่าราคาไก่ส่งออกเฉลี่ยมีแนวโน้มลดลง 9% YoY (เหลือ 4,000 เหรียญสหรัฐ/ตัน)
การเติบโตของกำไรปี 2566 ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างมาก แม้กำไรไตรมาส 4/65 จะเติบโตก้าวกระโดดก็ตาม
เราคาดกำไรสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 460 ล้านบาท เพิ่มขึ้นแรง 749% YoY แต่ลดลง 33% QoQ หากไม่รวม รายการอัตราแลกเปลี่ยนและตราสารอนุพันธ์ เราคาดกำไรหลักไตรมาส 4/65 ที่ 433 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2,999% YoY แต่ลดลง 41% QoQ ประมาณการใหม่ในครั้งนี้สำหรับกำไรไตรมาส 4/65 ถือว่าต่ำกว่าประมาณการในครั้งก่อนหน้า ซึ่งเราคาดกำไรสุทธิและกำไรหลักในไตรมาส 4/65 ไว้ที่ 500 ล้านบาท เนื่องจากอัตรากําไรขั้นต้นที่ต่ำกว่าคาด กำไรที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นแรงมาก YoY เป็นผลเนื่องมาจากฐานกำไรหลักที่ต่ำมากในไตรมาส 4/64 ราคาผลิตภัณฑ์ชิ้นส่วนไก่ที่เพิ่มขึ้นแรง และกำไรของ GFN ที่เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นที่ 15.2% ในไตรมาส 4/65 เพิ่มขึ้นแรง YoY เทียบกับ 5.4% ในไตรมาส 4/64 และลดลง QoQ ถ้าเทียบกับ 18.6% ในไตรมาส 3/65 เราคาดวอลุ่มไก่ส่งออกของ GFPT ที่ 8.3 พันตันในไตรมาส 4/65 เพิ่มขึ้น 12% YoY แต่ลดลง 6% QoQ และราคาโครงไก่เฉลี่ยที่ 22 บาท/กก. ในไตรมาส 4/65 เพิ่มขึ้น 83% YoY แต่ลดลง 8% QoQ บริษัทตั้งเป้ากำไรทรงตัว YoY และยอดขายเติบโต 2-3% สำหรับในปี 2566 ภายใต้สมมติฐานในกรณีที่ดีที่สุด ส่งผลให้เราทำการปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 ลงอีก 14% (เหลือ 1.85 พันล้านบาท) และปรับลดราคาเป้าหมาย ซึ่งประเมินด้วยวิธี PEG ลงอีก 17% (เหลือ 18.5 บาท)