บล.บัวหลวง:

Refining & Chemical – ค่าการกลั่นปรับตัวลดลง แต่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่ปรับตัวเพิ่มขึ้น (NEUTRAL)

ค่าการกลั่นปรับตัวลดลงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งถูกกดดันโดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทุกประเภทที่ปรับตัวลดลง ในขณะที่ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็นส่วนใหญ่ หนุนโดยอุปสงค์ในภูมิภาคที่ดีขึ้น ทั้งนี้เรายังคงชอบ TOP และ IVL มากที่สุด

การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์และโควต้าการส่งออกผลิตภัณฑ์น้ำมันสำเร็จรูปของประเทศจีน ซึ่งจะเพิ่มอุปทานในตลาดเป็นปัจจัยที่น่าจับตามอง เนื่องจากอาจกดดันค่าการกลั่นให้ปรับตัวลดลง ในทางกลับกันการเปิดประเทศจีนในปัจจุบันจะเป็นปัจจัยหนุนอุปสงค์นํ้ามันสําเร็จรูปและผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมี รวมทั้งค่าการกลั่นและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี

เรายังคงชอบ TOP มากที่สุดในหุ้นกลุ่มโรงกลั่น เนื่องจากการเป็นผู้ผลิตที่มีประสิทธิภาพด้านต้นทุนการผลิต ซึ่งจะส่งผลให้กำไรมีความไวต่อการปรับตัวสูงขึ้นของค่าการกลั่น และเรายังคงชอบ IVL มากที่สุดในกลุ่มปิโตรเคมี เนื่องจากแนวโน้มกำไรหลักปี 2566 ที่แข็งแกร่ง รวมทั้งมีอัพไซต์ต่อแนวโน้มการเติบโตระยะยาวจากการลงทุนและ/หรือการเข้าซื้อกิจการใหม่

ค่าการกลั่นปรับตัวลดลง WoW

ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปรับตัวลดลง 2.65 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 9.66 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ซึ่งถูกกดดันโดยส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ทุกประเภทที่ปรับตัวลดลง อุปสงค์ในอินโดนีเซียที่ชะลอตัวและสต็อกในสิงคโปร์ และสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคาก๊าซโซลีนปรับตัวลง 4.55 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 19.13 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ SPRC มากที่สุด) นอกจากนี้อุปทานในจีนและรัสเซียที่เพิ่มขึ้น (ก่อนหน้าการคว่ำบาตรของสหภาพยุโรป), สต็อกในสิงคโปร์ที่เพิ่มขึ้นส่งผลให้ส่วนต่างราคานํ้ามันเครื่องบิน และส่วนต่างราคาดีเซลปรับตัวลง 4.74 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 33.45 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล และ 6.12 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 30.18 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล ตามลำาดับ (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ TOP มากที่สุด) นอกจากนั้นอุปทานจากรัสเซียที่มีจํานวนมากส่งผลให้ส่วนต่างราคาน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมของกํามะถันในระดับสูงปรับตัวลง 1.81 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ -20.55 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล (แย่กว่าระดับปกติในช่วงก่อน IM02020 ที่ติดลบ -4 – 5 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรลค่อนข้างมาก)

ส่วนต่างราคาเอธิลีนและส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวเพิ่มขึ้น WoW

แรงซื้อในเอเชียที่แข็งแกร่งขึ้น ส่งผลให้ราคาเอธิลีนและราคาโพรพิลีนปรับตัวขึ้น 110 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 865 เหรียญสหรัฐ/ตัน และปรับตัวขึ้น 75 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 950 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามลำดับ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวลง 14 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 709 เหรียญสหรัฐ/ตัน ส่วนต่างราคาเอธิลีนจึงปรับตัวขึ้น 124 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 160 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวก ต่อ PTTGC มากที่สุด) และส่วนต่างราคาโพรพิลีนปรับตัวขึ้น 89 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 245 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนต่างราคา HDPE และส่วนต่างราคา PP ปรับตัวเพิ่มขึ้น WoW

ต้นทุนวัตถุดิบต้นน้ำที่เพิ่มขึ้นและอุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากการเปิดประเทศจีนส่งผลให้ราคา HDPE และราคา PP ปรับตัวขึ้น 20 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 1,060 และ 50 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 1,110 เหรียญสหรัฐ/ตัน ตามลำดับ ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบแนฟทาปรับตัวลดลง ส่งผลให้ส่วนต่างราคา HDPE เทียบกับแนฟทาปรับตัวขึ้น 34 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 355 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ PTTGC มากที่สุด) และส่วนต่างราคา PP ปรับตัวเพิ่มขึ้น 64 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 405 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงบวกต่อ IRPC มากที่สุด)

ส่วนต่างราคา MEG และส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวลดลง WoW

อุปทานซึ่งมีจํานวนมากและราคาวัตถุดิบร่วม PTA ที่ปรับตัวลดลงส่งผลให้ราคา MEG ปรับตัวลง 10 เหรียญสหรัฐ WOW อยู่ที่ 535 เหรียญสหรัฐ/ตัน ในสัปดาห์ที่ผ่านมา เนื่องจากต้นทุนเอธิลีนปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ส่วนต่างราคา MEG ปรับตัวลง 79 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ในแดนลบที่ -10 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด) ในขณะที่ต้นทุนวัตถุดิบเอธิลีนที่เพิ่มขึ้น และอุปสงค์ในภูมิภาคที่ทรงตัวส่งผลให้ราคา PVC ทรงตัว WoW อยู่ที่ 900 เหรียญสหรัฐ/ตัน เนื่องจากต้นทุนวัตถุดิบเอธิลีนปรับตัวเพิ่มขึ้นส่งผลให้ส่วนต่างราคา PVC ปรับตัวลง 55 เหรียญสหรัฐ WoW มาอยู่ที่ 468 เหรียญสหรัฐ/ตัน (ส่งผลกระทบเชิงลบต่อ PTTGC มากที่สุด)

คาดค่าการกลั่นทรงตัวแข็งแกร่ง YoY และเพิ่มขึ้น QoQ ในไตรมาส 1/66

อุปสงค์น้ำมันดีเซล, น้ำมันเครื่องบิน, และน้ำมันเตาที่มีส่วนผสมกำมะถันในระดับสูง คาดว่าจะแข็งแกร่งในไตรมาส 1/66 หนุนโดยอุปสงค์ตามฤดูกาลที่สูงและอุปสงค์การเปลี่ยนการใช้ก๊าซเป็นน้ำมัน จากมุมมองด้านอุปทาน การปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นในฤดูใบไม้ผลิ, อุปทานที่ลดลงจากรัสเซีย, สต็อกน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ, และกำลังการกลั่นใหม่ที่มีจำกัดจะเป็นปัจจัยที่จำกัดอุปทาน ต้นทุนน้ำมันดิบ (พรีเมี่ยมของน้ำมันดิบ) มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น YoY แต่ทรงตัว QoQ ในไตรมาส 1/66 ดังนั้นจากแนวโน้มดังกล่าว เราจึงคาดว่าค่าการกลั่นจะทรงตัวแข็งแกร่ง YoY และเพิ่มขึ้น QoQ ในไตรมาส 1/66

หากการเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของโรงกลั่นใหม่ไม่เป็นไปตามแผน หรือมีการหยุดโรงกลั่นโดยไม่ได้วางแผนล่วงหน้า (สาเหตุจากไฟไหม้, สงคราม, ภัยธรรมชาติ เป็นต้น) จะส่งผลให้อุปทานถึงตัว อาจเป็นอัพไซต์ต่อค่าการกลั่น นอกจากนี้การเปิดประเทศของจีนจะหนุนอุปสงค์น้ำมันสำเร็จรูปและน่าจะส่งผลดีต่อค่าการกลั่น ในทางกลับกันการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลกระทบเชิงลบต่อการฟื้นตัวของอุปสงค์ และโควต้าการส่งออกผลิตภัณฑ์นํ้ามันสําเร็จรูปของประเทศจีน ซึ่งจะเพิ่มอุปทานในตลาดเป็นปัจจัยที่น่าจับตามอง เนื่องจากอาจกดดันค่าการกลั่นให้ปรับตัวลดลง

ส่วนต่างราคาปิโตรเคมีส่วนใหญ่มีแนวโน้มปรับตัวลง YoY และทรงตัว QoQ ในไตรมาส 1/66

การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกมีแนวโน้มที่จะกดดันอุปสงค์ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีในไตรมาส 1/66 ให้ชะลอตัวลง   นอกจากนี้การเริ่มดำเนินงานเชิงพาณิชย์ของกำลังการผลิตใหม่ และต้นทุนวัตถุดิบที่ทรงตัวอยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่องจะกดดันส่วนต่างราคาปิโตรเคมีบางประเภทในไตรมาส 1/66 จากแนวโน้มดังกล่าว เราจึงคาดว่าส่วนต่างราคาผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีส่วนใหญ่จะอ่อนตัวลง YoY และยังคงทรงตัว QoQ ในไตรมาสดังกล่าว อย่างไรก็ตาม อุปทานที่มีจำกัด ซึ่งเป็นผลมาจากนโยบายการควบคุมมลพิษของจีน ความล่าช้าในการเริ่มดำเนินงานของกำลังการผลิตใหม่ และ/หรือ อุปสงค์ที่ปรับตัวดีขึ้นเนื่องจากการเปิดประเทศของจีน อาจเป็นอัพไซด์ต่อราคาและส่วนต่างราคาปิโตรเคมี

- Advertisement -