บล.เอเซีย พลัส:

ความไม่แน่นอนที่น่าหลีกเลี่ยง

คาดกําไรสุทธิ 4Q65 อยู่ที่ 131 ล้านบาท (+18%QoQ,-56%YoY) กําไรปรับเพิ่มขึ้น QoQ จากค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่ลดลง แต่ปรับลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนจากเม็ดเงินโฆษณาในอุตสาหกรรมที่หายไป การชะลอใช้งบบนสื่อ TV ของเอเจนซี่ จากสถานการณ์ความไม่แน่นอนในประเทศ ส่งผลให้อัตราค่าโฆษณาปรับลดลง ขณะที่ฝั่งต้นทุนน่าจะทรงตัวจากการนําละครเก่ามารีรันเพื่อให้สอดรับกับเม็ดเงินโฆษณาที่หดตัว

ปรับประมาณการกําไรปี 2566-67 ลง 18% และ 14% ตามลําดับ สะท้อนเม็ดเงินในอุตสาหกรรมสื่อโดยรวมที่ฟื้นตัวช้ากว่าคาด โดยเฉพาะสื่อ TV ที่ถูกแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาดจากสื้อประเภทอื่น ประเมินมูลค่าเหมาะสมด้วยวิธี DCF ได้ Fair Value ปี 2566 อยู่ที่ 11.10 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันมี Upside จํากัด จึงปรับลดคําแนะนําเป็น Switch ไป PLANB (FV@9.80B) ที่ได้ประโยชน์จากการได้ส่วนแบ่งทางการตลาดของเม็ดเงินสื่อนอกบ้านที่เพิ่มขึ้น

คาดกําไร 4Q65 ลดลงแรง YOY จากเม็ดเงินที่หายไป

คาดกำไรสุทธิ 4Q65 อยู่ที่ 131 ล้านบาท (+18%QoQ,-56%YoY) กำไรหดตัวแรงเมื่อเทียบกับปีก่อน เกิดจากความมั่นใจของเอเจนซี่ในการใส่งบโฆษณาลงในสื่อ TV ที่ลดลง แม้ปัญหาเงินเฟ้อเริ่มคลี่คลาย การปรับราคาเป็นไปตามกลยุทธ์การรักษาอัตราการใช้สื่อให้คงอยู่ในระดับสูง คาดราคาขายโฆษณาที่ 70,000 บาท/นาที ลดลงจากช่วง 4Q64 ที่ 83,300 บาท/นาที อัตราการใช้สื่อที่ 70% รายได้โฆษณาคาดทรงตัวจากไตรมาสก่อนที่ 1.1 พันล้านบาท ขณะที่รายได้ธุรกิจ Digital&GCL คาดเติบโต 7%QoQ มาอยู่ที่ 185 ล้านบาท ไตรมาสนี้รับรู้รายได้จากการขายคอนเทนต์ไป Netflix 4 เรื่อง ส่งผลให้รายได้รวมอยู่ที่ 1.3 พันล้านบาท

ด้านต้นทุน BEC ยังคงกลยุทธ์การนำละครเก่ามารีรัน เพื่อให้สอดรับกับเม็ดเงินโฆษณาในอุตสาหกรรมที่หดตัว Gross Margin คาดทรงตัวอยู่ในระดับเดียวกันกับไตรมาสก่อนที่ 30% ขณะที่ SG&A ปรับตัวลดลงจากไตรมาสก่อนเล็กน้อย หลังค่าใช้จ่ายในการโปรโมทละครลดลง แต่มีค่าใช้จ่ายในการจ้างพนักงานเพื่อมาต่อยอด BEC Studio ที่มีแผนผลิตคอนเทนต์ขายเข้า OTT Platform ทำให้ SG&A/Sales ยังทรงตัวในระดับสูง 15.9% (3Q65 อยู่ที่ 17.6%) ภาพรวมกำไรปี 2565 รายได้จากธุรกิจขายเวลาโฆษณา (สัดส่วน 86%) ลดลง 7%YoY มาอยู่ที่ 4.5 พันล้านบาท ตามแนวโน้มเม็ดเงินอุตสาหกรรมภาพใหญ่ที่ชะลอตัว รายได้จากธุรกิจเสริม Digital&GCL (สัดส่วน 14%) ลดลงกว่า 21%YoY มาอยู่ที่ 672 ล้านบาท จากการขายคอนเทนต์ให้ OTT Platform ที่น้อยลง ขณะที่ Gross Margin เฉลี่ยปี 2565 คาดที่ 29.8% เทียบกับ 33.3% ในปีก่อน ส่งผลให้ ประมาณการกำไรปีนี้อยู่ที่ 589 ล้านบาท ลดลง 23%YoY

ความไม่แน่นอนที่น่าหลีกเลี่ยง

แม้สถานการณ์โดยรวมในปีนี้จะดูดีขึ้นมาก ทั้งเรื่องของเงินเฟ้อที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง เศรษฐกิจในประเทศที่เริ่มฟื้นตัวตามจำนวนนักท่องเที่ยวที่จะเข้าสู่ประเทศไทยมากขึ้น อย่างไรก็ตาม เม็ดเงินเฉพาะส่วน TV ในเดือน ม.ค. 66 น่าจะเห็นการชะลอใช้งบโฆษณาของเอเจนซี่ต่อเนื่องจากเดือน ธ.ค. 65 โดยฝ่ายวิจัยมองแนวโน้มผลประกอบการใน 1Q66 ของ BEC ยังมีความท้าทายรออยู่ทั้งในเชิงของเม็ดเงินโฆษณาโดยรวมในอุตสาหกรรมที่กำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนท่ามกลางความลังเลในการวาง Budget ของเอเจนซี่ เม็ดเงินบางส่วนได้ถูกเคลื่อนย้ายไปสู่สื่อนอกบ้านมากขึ้น

ฝ่ายวิจัยจึงปรับประมาณการกำไรสุทธิปี 2566-67 ลง 18% และ 14% ตามลำดับ โดยปรับสมมติฐานดังนี้

1.) ปรับราคาขายโฆษณาเฉลี่ยปี 2566-67 ลง 5% มาอยู่ที่ 72,000 บาท/นาที และ 74,160 บาท/นาที ตามลำดับ (ราคาขายโฆษณาเฉลี่ยปี 2565 74,825 บาท/นาที) สะท้อนเม็ดเงินโฆษณาในอุตสาหกรรม TV ที่หายไป การชะลอการใช้งบโฆษณาของเอเจนซี่ท่ามกลางสถานการณ์ในประเทศที่มีความไม่แน่นอนสูง ขณะที่จากการวัดเรทติ้งรูปแบบใหม่ภายใต้ Cross-On Platform Measurement ยังไม่สามารถสะท้อนผลบวกที่เกิดขึ้นจริง

2.) ปรับอัตราการใช้สื่อ (Utilization Rate) ปี 2566-67 ลง 1% มาอยู่ที่ 72% และ 74% ตามลำดับ (เทียบค่าเฉลี่ย U.Rate ปี 2565 ที่ 69.1%) สะท้อนความไม่มั่นใจของเอเจนซี่ในการกลับมาใส่งบโฆษณาอีกครั้ง

ภายหลังปรับประมาณการกำไรปี 2566 จะกลับมาเติบโต 22%YoY จากฐานที่ต่ำในปี 2565 อย่างไรก็ตาม กำไรยังไม่กลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโควิดในปี 2564 จากรายได้ธุรกิจหลักสื่อโฆษณาที่ได้รับผลกระทบจากเม็ดเงินโดยรวมในอุตสาหกรรมที่หายไป ซ้ำเติมด้วยรายได้ธุรกิจเสริม Digital+GCL ยังไม่สามารถกลับไปสู่ระดับก่อนโควิดในปี 2562 ที่ราว 1.0 พันล้านบาทได้ (ปี 2565 คาดรับรู้ 662 ล้านบาท)

แนะนํา SWITCH..FV ปี 2566 อยู่ที่ 11.10 บาท

ฝ่ายวิจัยมองในระยะสั้นยังมีประเด็นความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในประเทศที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิด สัญญาณของเม็ดเงิน TV ในระบบที่ยังไม่กลับมาอย่างสมบูรณ์ เม็ดเงินได้ถูกเคลื่อนย้ายไปสื่อนอกบ้านมากขึ้น ประเมินมูลค่าเหมาะสมปี 2566 ด้วยวิธี DCF ได้ Fair Value อยู่ที่ 11.10 บาท ราคาหุ้นปัจจุบันเหลือ Upside จำกัด แนะนำ Switch ไป PLANB (EV@9.808) ที่ได้รับประโยชน์จากเม็ดเงินในอุตสาหกรรมที่ออกมาสู่สื่อนอกบ้านมากขึ้น

ประเด็นความเสี่ยง

1.ความไม่มั่นใจของเอเจนซี่ในการกลับมาทุ่มงบโฆษณาสื่อประเภททีวีอีกครั้ง

2.รายได้ธุรกิจเสริม Digital&GCL กระแสตอบรับจากคอนเทนต์เรื่องใหม่ไม่เป็นไปตามคาด

3.ความไม่แน่นอนของสถานการณ์ในประเทศอาจทําให้เอเจนซี่รอดูสถานการณ์ไปอีกระยะ

- Advertisement -