บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action TRADING (Downgrade)
TP upside (downside) +16.4%
Close Feb 2, 2023 Price (THB) 11.60
12M Target (THB) 13.50
Previous Target (THR) 17.00
What’s new?
- คาดกำไรสุทธิ 4Q65 ที่ 8.1 พันล้านบาท +132% YoY แต่ -54% QoQ ตามทิศทางราคาพลังงาน การผลิตถูกกระทบจากฝนตกหนัก ปัจจัยฤดูกาล, ปิดซ่อมบำรุง, ขาดทุน Hedging – FX
- ปรับกำไรปี 2566 ลง 38% เป็น 2.9 หมื่นล้านบาท สะท้อนการปรับฐานของราคาก๊าซ
- ประเมินราคาเหมาะสมใหม่ 13.50 บาท อ้างอิง PBV ที่ 0.9 เท่า (เดิม 1.0 เท่า) เพื่อให้สอดคล้องกับโมเมนต้มการเติบโตที่ผ่านจุดสูงสุด และความผันผวนจากราคาพลังงานที่สูงขึ้น
Our view
- เรามองว่าพื้นฐานระยะยาวของ BANPU ยังแข็งแกร่ง ประเมินว่ากำไร 2 ปีข้างหน้าจะอยู่ระดับสูง, ราคาหุ้น -15% YTD ปัจจุบันมี PBV 0.7 เท่า ถือว่า Downside ไม่มาก แตะมี Upsite จากทาง Spin-off BKV
- อย่างไรก็ตาม เราปรับคำแนะนำเป็น TRADING สะท้อนมุมมองบวกที่ลดลง เพราะในระยะสั้นราคาพลังงานปรับฐานเรียกว่าคาด ทำให้สมมติฐานของตลาดมีความเสี่ยง รวมทั้งแนวโน้มราคาพลังงาน 6 เดือนข้างหน้าจะไม่เด่น เนื่องจากกำลังผ่านช่วง High season ของความต้องการใช้ในฤดูหนาว
BANPU กําไรยังอยู่ระดับสูง แม้โมเมนตัมเริ่มลดลง
คาด 4Q65 ลดลง QoQ ตามทิศทางราคาพลังงาน – เงินบาทแข็งค่า
สำหรับ 4Q65 คาดกำไรสุทธิอยู่ที่ 8.1 พันล้านบาท เติบโตสูง +132% YoY จากราคาถ่านหิน และกำลังผลิตก๊าซ ธรรมชาติเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ผลประกอบการจะลดลง -54% QoQ โดยธุรกิจหลักทั้ง 3 จะลดลง QoQ ดังนี้ 1) ธุรกิจถ่านหินจะได้รับปัจจัยลบจากปริมาณขายคาดทำได้ 7.2 ล้านตัน (-11% QoQ) เนื่องจากการผลิตถูกกระทบจากฝนตกหนัก และการย้ายเครื่องจักรผลิต ขณะที่ Margin คาดลดลงตามราคาถ่านหินนิวคาสเซิลที่ -11% สวนทางต้นทุนการผลิตที่จะสูงขึ้นตามปัจจัยฤดูกาล และ Base effect ของปริมาณขาย 2) ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ คาดผลประกอบการปรับตัวลงตามทิศทางราคาก๊าซ Henry Hub ที่เหลือ US$6.4/mmbtu (-19% QoQ) 3) ธุรกิจไฟฟ้าอ่อนแอลงตามปัจจัยฤดูกาลของความต้องการใช้ไฟฟ้าในสหรัฐฯ และแผนปิดซ่อมบำรุงโรงไฟฟ้าหลายแห่ง 4) ขาดทุนป้องกันความเสี่ยงราคาก๊าซ 3.6 พันล้านบาท ตามนโยบายป้องกันความเสี่ยง 60% 5) ขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 3.0 พันล้านบาทจากเงินบาทแข็งค่า
ปัจจัยภายนอกกดดันราคาก๊าซ – ถ่านหินลดลงเร็วกว่าคาด
นับตั้งแต่ต้นปี 2566 ราคาถ่านหินนิวคาสเซิล -37% และราคาก๊าซธรรมชาติ Henry Hub -44% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 11 เดือน และ 22 เดือน ตามลำดับ ถือว่าลดลงเร็วกว่าที่เราและตลาดส่วนใหญ่ประเมินไว้ สาเหตุหลักมา จากภาวะอากาศในยุโรปไม่หนาวอย่างที่หลายฝ่ายคาด ทำให้ความต้องการใช้ก๊าซไม่สูง และปริมาณสำรองก๊าซในยุโรปอยู่สูง 70-80% (สูงสุดในรอบ 10 ปี ณ ช่วงเวลาเดียวกัน) รวมทั้งอุปสงค์ก๊าซในสหรัฐฯ ถูกถ่วงด้วยความล่าช้าของการกลับมาผลิตของโรงงาน Freeport LNG โดยการปรับฐานของราคาก๊าซธรรมชาติมาอยู่ระดับต่ำได้ส่งแรงกดดันมาที่ราคาถ่านหิน เนื่องจากอุปสงค์การเกิด Gas-to-Coal Switching ลดลง นอกจากนี้ ในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาความต้องการใช้ถ่านหินยังลดลงจากการเข้าสู่เทศกาลตรุษจีน
ปี 2566 ยังอยู่ในเกณฑ์ดี แม้ปรับสมมติฐานราคาพลังงานให้สะท้อนภาวะปัจจุบัน
เราปรับสมมติฐานราคาก๊าซธรรมชาติปี 2566 เป็น US$3.8/mmbtu เพื่อให้สอดคล้องกับภาวะตลาดในปัจจุบัน และปรับต้นทุนการผลิตขึ้นเพื่อเพิ่มความระมัดระวัง ส่งผลให้ประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ลดลง 38% เป็น 2.9 หมื่นล้านบาท -40% YoY จากระดับ Al-time high ในปี 2565 อย่างไรก็ตาม เรามองว่าผลประกอบการปี 2566 ยังอยู่ในเกณฑ์ดีเทียบกับในอดีต หนุนจากราคาถ่านหินระดับสูงตามความต้องการใช้จากอินเดีย, การเปิดประเทศของจีน. เศรษฐกิจจีน และการกระษฐกิจจีน
ปรับ Valuation รับโมเมนตัมการเติบโตผ่านจุดสูงสุด
ปรับ Valuation อ้างอิง PBV Multiple ที่ 0.9 เท่า (เดิม 1.0 เท่า) สะท้อนโมเมนตัมของผลประกอบการ – ราคา พลังงานผ่านจุดที่ดีสุดไปแล้ว, ROE กำลังลดลงจากช่วงปี 2564-2565 ซึ่งซื้อขายบน PBV ระดับ 1.0 เท่า และ Price-in ความผันผวนของราคาถ่านหิน – ก๊าซที่สูงขึ้น ประเมินราคาเหมาะสมใหม่ที่ 13.50 บาท (Full dilution)
ระยะยาวยังแข็งแกร่ง… แต่ลดมุมมองบวก สะท้อนราคาพลังงานระยะสั้นอ่อนแอกว่าคาด
เรามองว่าปัจจัยพื้นฐานระยะกลาง – ยาวของ BANPU ยังแข็งแกร่งจากทิศทางผลประกอบการ 2 ปีข้างหน้ายังอยู่ระดับสูง, ราคาหุ้น -15% YTD ตามการปรับฐานของราคาพลังงาน ปัจจุบันซื้อขายบน PBV 0.7-0.8 เท่า ถือว่า Downside จำกัด และอนาคตมี Upside จากแผน Spin-off ธุรกิจก๊าซในสหรัฐฯ (BKV) อย่างไรก็ตาม เราปรับลดคำแนะนำเป็น TRADING สะท้อนความเสี่ยงในสมมติฐานราคาพลังงานของตลาด หลังราคาถ่านหิน – ก๊าซธรรมชาติอ่อนแอกว่าคาด และสะท้อนมุมมองบวกที่ลดลงต่อราคาถ่านหิน – ก๊าซธรรมชาติในช่วง 6 เดือน ข้างหน้า เนื่องจากกำลังผ่านช่วง High season ของความต้องการใช้ในฤดูหนาว (คาดรายงานงบวันที่ 22 ก.พ.)