บล.บัวหลวง:
Central Retail Corporation (CRC TB /CRC.BK)
CRC – ผู้รับประโยชน์รายใหญ่จากการฟื้นตัวยุคหลังโควิด
เราคาดว่าไตรมาส 4/65 CRC จะเป็นไตรมาสที่กำไรสูงสุดในปี 2565 จากปัจจัยฤดูกาล และจํานวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น เมื่อมองไปข้างหน้า ปี 2566 จะเป็นอีกปีที่แข็งแกร่งหนุนโดยการใช้จ่าย เพื่อการบริโภคที่เติบโตอย่างต่อเนื่องและการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น
ไตรมาส 4/65 จะเป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี 2565
เราคาดกำไรหลักในไตรมาส 4/65 อยู่ที่ 2,693 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14% YoY และ 109% QoQ หนุนโดยรายรับที่สูงขึ้นจากธุรกิจแฟชั่น เราคาดว่าการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจแฟชั่นอยู่ที่ 18% ในไตรมาสนี้ ตามด้วยการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจอาหารที่ 16% ในทางตรงกันข้าม ยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจฮาร์ดไลน์จะลดลงในไตรมาส 4/65 เนื่องจากฐานของ Power Buy ในไตรมาส 4/64 อยู่ในระดับสูง (แต่เรายังคงคาดว่าไทวัสดุ จะรายงานการเติบโตของยอดขายสาขาเดิม) เราคาดรายได้ค่าเช่าอยู่ที่ 1,812 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% YoY และ 8% QoQ ดังนั้นจากจํานวนการเข้าร้านค้าที่เพิ่มขึ้น และส่วนลดค่าเช่าที่ลดลง อัตรากำไรขั้นต้นจะอยู่ที่ 26% ในไตรมาส 4/65 เพิ่มขึ้นจาก 25.6% ในไตรมาส 4/64 และ 25.8% ในไตรมาส 3/65 หนุนโดยธุรกิจแฟชั่นและรายได้ค่าเช่า เราคาดว่า CRC จะรายงานอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายที่ 28.8% ลดลงจาก 29.8% ในไตรมาส 4/64 และ 31% ในไตรมาส 3/65
หลังจากรวมประมาณการไตรมาส 4/65 เข้ากับผลประกอบการ 9 เดือนแรก ของปี 2565 เราคาดรายได้ปี 2565 อยู่ที่ 219,194 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% YoY และประมาณการกำไรสุทธิที่ 6,937 ล้านบาท เพิ่มขึ้นอย่างมากจากกําไรหลักที่ 59 ล้านบาทในปี 2564 การฟื้นตัวของกำไรได้รับแรงหนุนจากประเทศไทย เวียดนาม และอิตาลี ที่กลับมาเปิดประเทศและตัวเลขการท่องเที่ยวระหว่างประเทศที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ปี 2566 จะเป็นอีกปีที่แข็งแกร่งของ CRC
เมื่อมองไปยังปี 2566 เราคาดว่าจะเห็นการเติบโตของยอดขายของ CRC ที่ 12% YoY และการขยายตัวของกำใรที่ 23% YoY (การประมาณการณ์ของเราถือว่าน้อยกว่าเป้าหมายที่ผู้บริหารตั้งเป้ายอดขายเติบโต 12-15% ในปี 2566 เล็กน้อย) ธุรกิจทั้งหมดน่าจะรายงานผลประกอบการที่ดีขึ้น แต่ธุรกิจแฟชั่นจะเป็นตัวนํา (จากทั้งไทยและอิตาลี) หนุนโดยการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ (โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่กลับมาท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นจํานวนมาก) นอกจากนี้ ธุรกิจอาหาร (โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม), ธุรกิจฮาร์ดไลน์, แนวคิดร้านค้าแบบใหม่ (เช่น คอมมูนิตี้มอลล์ ขนาดเล็กสําหรับท็อปส์ซูเปอร์มาร์เก็ต และท็อปส์ คลับ) ในขณะที่การเติบโตของ GO! ในประเทศเวียดนาม (รีแบรนด์จากบิ๊กซี) และไทวัสดุ (CRC คาดว่าจะเพิ่มอีก 10 สาขาในปี 2566) ในประเทศไทยจะหนุนการเติบโตทั้งรายได้และกำไรสุทธิในปี 2566 และในระยะยาว
แนวโน้มการเติบโตและอัพไซด์เซอร์ไพรส์ จะทำให้ CRC ยังเทรดระดับ PER สูงกว่าค่าเฉลี่ยกลุ่มได้
แม้ CRC จะซื้อขายที่ PER ที่สูงกว่ากลุ่ม (PER ในปี 2566 ที่ 31.3 เท่า เทียบกับค่าเฉลี่ยกลุ่มที่ 27.5 เท่า) เรา มองว่าการฟื้นตัวของกำไรที่แข็งแกร่ง โอกาสในอัพไซด์เซอร์ไพรส์ (จากการท่องเท่ียวที่เพิ่มขึ้นในประเทศไทย ยุโรป และเวียดนาม) และแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่งในระยะกลางถึงระยะยาว ทำให้ได้ premium valuation จากตลาด