Daily Focus: Selective and Earnings Play

2023SET Target: 1750

ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index แกว่ง Sideways ได้ตามคาดในช่วงเช้า ก่อนที่จะมีแรงขายออกมากดดันช่วงบ่ายทำให้ดัชนีปิดลบถึง 10.15 จุด อยู่ที่โซนแนวรับสำคัญ 1,670 จุด ถ่วงโดยกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ สถาบันในประเทศยังขายสุทธิบางๆ ในตลาดหุ้นอีก 211 ลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายต่อเนื่องเป็นวันที่ 8 และเร่งขึ้นเป็นเกือบ 4 พันลบ. (และ Short Index Futures อีก สูงถึงกว่า 4 หมื่นสัญญา)

แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่งตัว Sideways to Sideways Down โดยมีความเสี่ยงหลุดแนวรับ 1,670 จุด และอ่อนตัวลงหาแนวรับถัดไปบริเวณ 1,650-1,660 จุด จากบรรยากาศการลงทุนที่ยังไม่สดใส  โดยนักลงทุนตอบรับต่อ Comment ของประธาน FED หลายสาขาที่เน้นย้ำถึงดอกเบี้ยที่ยังมีแนวโน้มขยับขึ้น และทรงตัวในระดับสูงเป็นระยะเวลานานพอสมควร ซึ่งอาจกดดันเศรษฐกิจในระยะถัดไป และทำให้สินทรัพย์เสี่ยงเผชิญแรงขายหลังฟื้นตัวขึ้นเด่นตั้งแต่ 4Q22 ส่วนปัจจัยในประเทศโฟกัสอยู่ที่ผลประกอบการ 4Q22 โดยส่วนใหญ่ที่ ประกาศออกมาแล้วจะค่อนไปในทางต่ำกว่าคาด เรามองว่า Sector สำคัญที่ตลาดรอติดตาม คือ Domestic และ Reopening Play ซึ่งตลาดความคาดหวังการฟื้นตัวของกำไรมากพอสมควร โดยหากออกมาต่ำกว่าคาด เรามองว่าจะเป็นแรงกดดันเพิ่มเติมให้ตลาดพักตัวระยะสั้นได้ต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม จากแนวโน้มเศรษฐกิจระยะกลาง-ยาวที่ยังเป็นขาขึ้นและเร่งตัว จึงมองจังหวะปรับฐานเป็นโอกาสในการสะสมระยะกลาง-ยาว โดยเบื้องต้นมองบริเวณ 1,600+- จุด ส่วนระยะสั้นเน้น Selective หุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และคาดกำไร 4Q22 โดดเด่น

กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และคาดกำไร 4Q22 แข็งแกร่ง//ระยะ กลาง-ยาวสะสม Domestic และ Reopening Play ช่วงพักตัว

หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : BA, BDMS, BEM, CENTEL, NOBLE

หุ้นเด่นวันนี้ : BEYOND

  • แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมาย 24 บาท
  • หลังเปลี่ยนธุรกิจจากพลังงานสู่ธุรกิจโรงแรม ปัจจุบันมีโรงแรมระดับหรูที่เป็นเจ้าของ 2 แห่ง คือ Four Seasons Hotel Bangkok และ Capella Bangkok ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา เราคาดว่าจะได้อานิสงส์เชิงบวกจากการกลับมาของกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ใช้จ่ายสูง
  • เราคาดผลการดำเนินงานจะเริ่ม Breakeven ใน 4Q22 และเร่งตัวในปี 2023-2024 อย่างชัดเจนตามภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้น คาดปี 2023 พลิกมีกำไร 78 ลบ.และเร่งตัวเป็น 256 ลบ. ในปี 2024 ราคาหุ้นเทรด 2024PER เพียง 18 เท่า เที่ยบกับกลุ่มที่ราว 30 เท่า หากราคาพักตัวเป็นโอกาสในการเข้าลงทุน
  • แนวรับ 14//13 บาท แนวต้าน 15.40//16.40 บาท

Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนกลับมาไหลเข้าภูมิภาคตามคาด US$990 ล้าน ยังคงกระจุกตัวที่ไต้หวันและเกาหลีใต้ประเทศละ US$516-555 ล้าน ขณะที่อาเซียนเม็ดเงินยังผสมผสาน โดยยังไหลออกจากไทยสูงสุด US$119 ล้าน แต่ไหลเข้าอินโดนีเซียและเวียดนามบางๆ ประเทศละ US$16-24 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่าจะชะลอการไหลเข้าจาก Sentiment ฝั่งสหรัฐฯ ที่ไม่สดใส ตลาดยังกังวลดอกเบี้ย FED ขยับขึ้นต่อและสูงยาวนานกดดันหุ้นในกลุ่ม Tech และ Growth

ประเด็นสําคัญวันนี้

(-) KCE การประชุมวานนี้โทนเป็นลบ ผู้บริหารตั้งเป้ารายได้สกุล US$ ปี 2023 โตเพียง 5% ตามคาดการณ์ยอดขายรถยนต์ทั่วโลกที่จะติดลบเล็กน้อย ขณะที่ตั้งเป้า Gross Margin ไม่ต่ำกว่า 2022 ที่ทำได้ 22.8% ระยะสั้นกำไร 1Q23 คาดยังหดตัวต่อจากรายได้ที่คาดทำได้เพียงทรงตัว q-q และ Margin ยังมีปัญหาจากบาทแข็งและสต็อกวัตถุดิบราคาสูง คาดหวังการฟื้นตัวใน 2Q23-3Q23 ส่วนโรงงานใหม่ที่โรจนะยังไม่เริ่มสร้าง อยู่ระหว่างปรับ Layout คาดว่าจะเริ่ม Operate ได้ใน 2H24 เบื้องต้นเรามีแนวโน้มปรับลดประมาณการกำไรปี 2023 ลง 15%-20% เป็น 2.3-2.38 พันลบ. ทรงตัว y-y และมีแนวโน้มปรับลดราคาเป้าหมายเหลือ 50-52 บาท จาก เดิมที่ 62 บาท ยังไม่น่าสนใจในการเข้าลงทุน

(0) MAJOR คาดกำไร 4Q22 ที่ 67 ลบ. +93% q-q, -20% y-y โดยรายได้เร่งตัวขึ้น q-q จากหนังทําเงินโดยเฉพาะ Avatar 2 อย่างไรก็ตาม หนังระดับกลางทำรายได้ที่ค่อนข้างน้อย รวมถึงมีการบันทึกโบนัสพนักงานเข้ามาเพิ่มเติม ทำให้การฟื้นตัวของกำไรไม่สูงอย่างที่ควรจะเป็นในระยะสั้น เราจึงคาดทั้งปี 2022 น้อยลงจากเดิมเหลือ 185 ลบ. พลิกจากขาดทุนปี 2021 ส่วนปี 2023 เรายังคาดกำไรที่ 775 ลบ. +318% y-y โดยคาดยังได้แรงหนุนจากการ Reopening เต็มที่ และ Line Up หนังที่ยังดูดีโดยเฉพาะในเดือน มี.ค. เป็นต้นไป คงราคาเป้าหมายที่ 22 บาท แนะนำ “ซื้อ”

(0) จับตาการรางานงบ ADVANC คาดกำไร 4Q22 +4% q-q, -8% y-y เป็นไตรมาสที่ดีที่สุดของปี หนุนจากรายได้ที่ทยอยฟื้นตัวทั้งธุรกิจมือถือ FBB และ Enterprise ขณะที่ฝั่งต้นทุนคาดสามารถควบคุมได้ดีในส่วน SG&A แต่ค่าใช้จ่ายโครงข่ายยังขยับขึ้นจากค่าไฟ เราคาดกำไรปี 2022 -6% y-y และ +4% y-y ปี 2023 โดยยังไม่ได้รวมการเข้าซื้อกิจการ FBB ในประมาณการ Catalyst บวกจากสถิติในอดีตคือ 1Q มักจะให้ผลตอบแทนเป็นบวกด้วยความน่าจะเป็น 90% ในช่วงปี 2010-2019 ก่อนวิกฤต COVID-19 หนุนจากการประกาศจ่ายปันผล เราคาด Dividend Yield ต่อปีราว 4-4.3%

 

(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 207.68 จุด หรือ -0.61% ปิดที่ 33,949.01 จุด จากเจ้าหน้าที่หลายคนของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ออกมาสนับสนุนให้ FED เดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไปเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก จากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทในกลุ่มพลังงานและเคมีภัณฑ์

(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ

(0) ค่าเงินบาท แกว่งตัวแคบ อยู่ที่บริเวณ 33.54 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ

(+) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX เพิ่มขึ้น 1.33 ดอลลาร์ หรือ 1.7% ปิดที่ 78.47 ดอลลาร์/บาร์เรล นักลงทุนยังคงคาดหวังว่า FED จะชะลอการขึ้นดอกเบี้ย ในขณะที่เช้านี้ย่อลงที่ระดับ 78.32 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.19%

(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 5.9 ดอลลาร์ หรือ 0.31% ปิดที่ 1,890.7 ดอลลาร์/ออนซ์ ได้แรงหนุนจากการลดลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ ในขณะที่เช้านี้ย่อลงที่ระดับ 1,885.2 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.29%

SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 921.10 / +0.29

- Advertisement -