บล.หยวนต้า (ประเทศไทย): 

Action BUY (Maintain)

TP upside (downside) +16.7%

Close Feb 8, 2023 Price 3.90

12M Target 4.55

WHA CORPORATION (WHA) 4Q65 โตเด่น ปี 2566 สดใสต่อเนื่อง

Event

ประเด็นน่าสนใจจากการประชุมนักวิเคราะห์ (8 ก.พ. 56)

  • ทางบริษัทให้ข้อมูลแนวโน้มผลประกอบการ 4Q65 จะโดดเด่นสูงสุดในปี 2565 จากการเติบโตโดดเด่นของทุกหน่วยธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจนิคม ที่มีการขายที่ดินลอตใหญ่ให้กับกลุ่มยานยนต์ไฟฟ้า และยอดโอนทำสถิติสูงสุดมากกว่า 1.1 พัน ไร่ อีกทั้งจะมีรายได้จากการขายสินทรัพย์เข้า 2 กอง REITs เข้ามาช่วยหนุนราวเกือบ 3 พัน ล้านบาท
  • ภาพปี 2566 ตั้งเป้าเติบโตต่อเนื่อง โดยมีรายละเอียดดังนี้ 1) ธุรกิจนิคม : บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินทั้งปี 1,750 ไร่ (ในไทย 1,200 ไร่ และเวียดนาม 550 ไร่) โดยปัจจุบันมีดีลที่ดินในไทยลอตใหญ่กำลังเจรจา 3-4 ราย ส่วนที่ดินในเวียดนามมีการเซ็น LOI แล้ว 450 ไร่ จึงทำให้มีโอกาสที่จะปรับเป้าขึ้นภายใน 1H66 หากดีลสำเร็จ 2) ธุรกิจคลังสินค้าโลจิสติกส์ บริษัทตั้งเป้าการลงนามสัญญาเช่าโรงงานและคลังสินค้าสําเร็จรูปราว 2.0 แสน ตร.ม. (ในไทย 1.7 แสนตร.ม. และเวียดนาม 3.5 หมื่นตร.ม.) และ 3) ธุรกิจสาธารณูปโภค: ส่วนของน้ำ มีปริมาณการใช้ที่เร่งตัวสูงขึ้นทุกผลิตภัณฑ์ อีกทั้งลูกค้าใหม่ที่เพิ่งเข้ามาเป็นกลุ่มที่มีความต้องการใช้น้ำในปริมาณที่ค่อนข้างสูง ซึ่งจะช่วยหนุนความต้องการน้ำให้เพิ่มสูงขึ้นได้ในอนาคต
  • ปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่ดินรอโอน (Backlog) อยู่ราว 400-500 ไร่ ซึ่งคาดจะสามารถโอนได้ภายในปี 2566 นอกจากนี้ บริษัทมีการตั้งเป้าขายสินทรัพย์เข้ากอง WHART พื้นที่ 1.4 แสน ตร.ม. มูลค่ารวมประมาณ 3,250 ล้านบาทในช่วงปลายปีนี้
  • ในระยะยาว ปี 2565-2569 บริษัทมีแผนการลงทุนอยู่ที่ 5 หมื่นล้านบาท โดยแบ่งเป็นธุรกิจนิคม และธุรกิจคลังสินค้าโลจิสติกส์ ที่ธุรกิจละ 1.8 หมื่นล้านบาท ส่วนธุรกิจ Utilities & Power และ Digital จะอยู่ที่ 1 หมื่นล้านบาท และ 4 พันล้านบาท ตามลำดับ และตั้งเป้าหมายรายได้ที่ 2.1-2.3 หมื่นล้านบาทภายในปี 2569

Our Take

  • เราคาดกําไรปกติ 4Q65 ที่ 1,968 ลบ. (+661.3% QoQ, -2.3% YoY) เติบโตโดดเด่น QoQ จากธุรกิจนิคมฯ ยอดโอนที่ดินทำสถิติสูงสุด และการขายสินทรัพย์เข้ากอง REITs ช่วงปลายปี มูลค่าราว 2.7 พันลบ. ขณะที่เทียบ YoY เราคาดผลประกอบการจะชะลอตัว โดยรายได้ขายสินทรัพย์เข้ากอง REITs ในปีนี้มูลค่าลดลงราว 49.7% YoY เนื่องจากไม่ใช่สินทรัพย์ของบริษัท 100% แบบปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ยังมียอดโอนที่ดินที่สูงขึ้น ก้าวกระโดดมาช่วยหนุน และหากไม่รวมรายได้ขายสินทรัพย์เข้ากอง REITs ธุรกิจหลักจะเติบโตจากยอดโอนที่ดินที่ทุบสถิติสูงสุด ส่วนประสิทธิภาพการทำกำไร เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นลดลงมาอยู่ที่ 37.4% จาก 44.0% ใน 3Q65 และ 45.3% ใน 4Q64 เนื่องจากการโอนที่ดินลอตใหญ่ส่งผลให้อัตรากำไรต่ำกว่าปกติ ภาพรวมปี 2565 เราคาดกำไรปกติ 3,461 ล้านบาท +27.7% YoY
  • ปี 2566 เราคาดจะเติบโตโดดเด่นจากธุรกิจนิคมฯ ที่จะได้ประโยชน์จากการเคลื่อนย้ายการลงทุน โดยจะเด่นตั้งแต่ 1H66 ซึ่งบริษัทกำลังเจรจากับลูกค้าที่สนใจที่ดินลอดใหญ่ราว 300-400 ไร่ เราคาดผลประกอบการปี 2566 ที่ 3,961 ล้านบาท (+14.4% YoY) ส่วนปัจจัยหนุนเพิ่มเติม ได้แก่ 1) การย้ายฐานการลงทุนออกจากจีน 2) มาตรการสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาล เช่น สิทธิประโยชน์ด้านภาษี 3) ภาครัฐพัฒนาพื้นที่ EEC อย่างต่อเนื่อง อีกทั้ง การเข้ามาตั้งฐานการผลิตของค่ายรถ EV เรามองว่าจะช่วยดึงดูดผู้ผลิตชิ้นส่วนประกอบต่างๆ ในกลุ่ม รวมถึงค่ายรถแบรนด์อื่นให้เข้ามาลงทุนเพิ่ม
  • คงคำแนะนำ “ซื้อ” เราประเมินมูลค่าพื้นฐานปี 2566 ที่ 4.55 บาท โดยอิง PER ที่ 17.2x เรามองว่าผลประกอบการ 4Q65 จะเติบโตโดดเด่นจากที่ดินลอดใหญ่ และเติบโตต่อเนื่องในปี 2556 จากลูกค้ากลุ่ม EV ที่มีการเจรจาอยู่ รวมถึงมีปัจจัยบวกจากภาคการผลิตโดยรวมที่ฟื้นตัว และการย้ายฐานการผลิตออกจากจีนเพิ่มมากขึ้น
- Advertisement -