บล.กรุงศรีฯ:
กลุ่มอุตสาหกรรม | สินค้าอุปโภคบริโภค |
หุ้น | STGT |
มูลค่าพื้นฐาน | 36.75 |
คำแนะนำ | HOLD |
STGT รายงานกำไรสุทธิ 2Q เติบโต 6 เท่า yoy เป็น 7.3 พันลบ. แต่ลดลง 28% qoq เนื่องจากประสบปัญหาในการจัดส่งสินค้า บริษัทประกาศจ่ายปันผลรายไตรมาสที่ 1.25 บาทต่อหุ้นสำหรับการดำเนินงานใน 2Q คาดกำไร 3Q มีแนวโน้มลดลง qoq หลังราคาขายเฉลี่ย ASP อ่อนแอลง เราคงมุมมองเชิงลบและคาดการณ์ว่ากำไรจะลดลง 53% yoy เป็น 1.31 หมื่นลบ. ใน FY22F จากกำลังการผลิตถุงมือยางทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นทำให้ราคาขายเฉลี่ยลดลง คงคำแนะนำ ถือ และราคาเป้าหมายใหม่ที่ 36.75 บาท
กำไรสุทธิ 2Q เติบโต 6 เท่า yoy
STGT รายงานกำไรสุทธิ 2Q ที่ 7.28 พันลบ. (+589% yoy, -28% qoq) สอดคล้องกับคาดการณ์ของเราและตลาด ราคาขายเฉลี่ยอยู่ที่ 2,268 บาท (USD 72.7) ต่อ 1,000 ชิ้น เพิ่มขึ้น 244.6% yoy แต่ลดลง 1.3% qoq ขณะที่ปริมาณขายลดลง 22.6% yoy และ 14.9% qoq เป็น 5,713 ล้านชิ้นเนื่องจากการหยุดการผลิตของโรงงานที่ตรังและสุราษฏร์ธานีหลังการระบาดของ COVID-19 รวมถึงการขาดแคลนตู้คอนเทนเนอร์และปัญหาความหนาแน่นของที่ท่าเรือทั่วโลก
กำไร 3Q มีแนวโน้มลดลง qoq
ราคาขายเฉลี่ยใน 3Q มีแนวโน้มลดลง 30% qoq เป็น USD50.9 ต่อ 1,000 ชิ้นจากกำลังการผลิตที่เพิ่มขึ้นโดยเฉพาะถุงมือยางไนไตรจากจีน หากต้นทุนการผลิตคงเดิม อัตรากำไรขั้นต้นจะลดลงเป็น 55.6% จาก 66.7% ใน 2Q แม้ปริมาณขายถูกคาดว่าจะฟื้นตัวเป็น 8.0 พันล้านชิ้นใน 3Q และรายได้จะโต 5% qoq เป็น 1.36 หมื่น ลบ. แต่กำไรจะอ่อนตัวลงสู่ระดับ 6.4 พัน ลบ. โดยมีสาเหตุจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ลดลง
มองภาพเชิงลบในปี 2022
แม้บริษัทจะเพิ่มกำลังการผลิต 39% เป็น 50 ล้านล้านชิ้นต่อปีในปีหน้า กำไร FY22F อาจลดลง 53% yoy เป็น 1.31หมื่นลบ. เนื่องจากซัพพลายทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นจะทำให้ราคาขายเฉลี่ยลดลงเป็น 1,000บาทต่อ 1,000 ชิ้นเนื่องจากซัพพลายเติบโต 30% จากกำลังการผลิตใหม่มากกว่าการเติบโตของความต้องการ 15-20%
คงคำแนะนำ ถือ ราคาเป้าหมาย 36.75 บาท
เนื่องจากราคาดว่าซัพพลายจะเติบโตสูงกว่าความต้องการและทำให้ราคาขายเฉลี่ยลดลงอย่างรวดเร็ว บริษัทประกาศจ่ายปันผล 1.25 บาทต่อหุ้นใน ก.ย. และไม่น้อยกว่า 1.25 บาทต่อหุ้นในธ.ค. 2021