ทิศทางตลาดหุ้นวันนี้

แกว่งตัวกรอบแคบๆ ต่อไป

ฝ่ายวิจัย KGI ประเมิน SET Index วันศุกร์ เทรดไซด์เวย์ต่อ…. หลังจากเมื่อวานนี้ ตลาดหุ้นไทยเผชิญแรงขายระหว่างวัน ก่อนมีแรงซื้อสู้ในช่วงบ่าย ส่งผลให้ดัชนีฯ ปิดลบเล็กน้อย (ภาพรวมตลาดเมื่อวานเป็นไปตามคาด)… ขณะที่ในวันนี้ ปัจจัยโดยรวมเป็นลบเล็กน้อย กล่าวคือ i) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับฐานลง แต่สาเหตุค่อนข้างเฉพาะตัว โดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับลงค่อนข้างแรง หลังจากนักลงทุนผิดหวังกับการแสดงประสิทธิภาพของแชตบอท Bard A.I. ซึ่งตอบคำถามผิดในการพรีเซนท์เมื่อวานนี้ ซึ่งประเด็นดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลต่อตลาดหุ้นเอเชียและตลาดหุ้นไทย ii) ตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐฯ อยู่ที่ 1.96 แสนคน ใกล้เคียงกับที่ consensus คาดไว้ที่ 1.90 แสนคน… อย่างไรก็ดี บอนด์ยิลด์สหรัฐฯ ที่เด้งแรงเมื่อคืนนี้ + ค่าเงินบาทที่ยังทรงตัวในเชิงอ่อนค่า น่าจะยังกดดันฟันด์โฟลว์ในตลาดหุ้นไทยในระยะสั้น…. สำหรับสัปดาห์หน้า (13-17 ก.พ.) ปัจจัยที่มีความสำคัญต่อตลาดหุ้น ได้แก่ เงินเฟ้อ สหรัฐฯ เดือน ม.ค. 66 ซึ่ง consensus ประเมินไว้ที่ +0.5% MoM, +5.8% YoY รวมทั้งการรายงานผลประกอบการไตรมาส 4/2565 และการคาดการณ์ GDP ไตรมาส 4/2565 ของไทยซึ่งน่าจะมีการทำ preview ออกมากันในสัปดาห์หน้า ทั้งนี้สภาพัฒน์ฯ มีกำหนดรายงาน GDP ในวันที่ 20 ก.พ.

หุ้นเด่นวันนี้ ตามปัจจัยพื้นฐาน 

เก็งกำไร ADVANC*, CH, GULF*

  • ADVANC* (เป้า Consensus 238.7 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 198.5 บาท / แนวต้าน 204 – 206 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้าน +/- 215 บาท (Stop loss 195 บาท) 2) รายงานผลการดำเนินงาน 4Q65 ดีกว่า Consensus คาด และมีโอกาสที่ Consensus จะปรับประมาณการฯ ปี 2566 ขึ้น จากปัจจุบันที่คาดไว้ที่ 2.8 หมื่นล้านบาท (โต +9.5% YoY) จากแนวโน้มเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว และคาดการแข่งขันในอุตสาหกรรมฯ ลดลง 3) Sentiment บวกจากการเตรียมจัดตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (ข่าวจาก Bloomberg) 4) ประกาศปันผลส่วนที่เหลือของปี 2565 อีก 4.24 บาท / หุ้น (Yield 2.1%)
  • CH (เป้า Consensus 5.5 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 4.5 บาท / แนวต้าน 4.7 – 4.84 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้าน +/- 5 บาท (Stop loss 4.4 บาท ) 2) ประเมินแนวโน้มผลการดำเนินงานรับ Sentiment บวกจาก i) การเปิดประเทศหนุนยอดขายสินค้าของฝาก (ผลไม้อบแห้งจากไทย) ii) ต้นทุนถ่านหินที่เป็นเชื้อเพลิงหลักปรับลดลงต่อเนื่อง ii) ค่าเงินบาทเริ่มอ่อนค่า หนุนการส่งออก (CH เน้นผลิต OEM ส่งออก) 3) จากการ Company visit คาดมีโอกาสที่ Consensus จะปรับประมาณการฯ ปี 2566 ขึ้น จากปัจจุบันที่ราว 133 ล้านบาท (+20% YoY) Forward PE 27 เท่า จากการเปิดประเทศของจีนที่เร็วกว่าคาด และแผนการปรับปรุงกระบวนการผลิตลดความผันผวนของปัจจุบันฤดูกาล (สามารถเก็บสต๊อกมะม่วง ผลไม้ ไว้ผลิตช่วง Low season)
  • GULF* (เป้าพื้นฐาน 62 บาท) 1) ประเมินแนวรับ 53.0 บาท / แนวต้าน 54.0 – 54.5 บาท กรณี Break ผ่านกรอบแนวต้านนี้ได้ ประเมินมีโอกาสทดสอบแนวต้านถัดไป 56 – 57 บาท (Stop loss 53.0 บาท) 2) ฝ่ายวิจัยฯ ประเมิน Earnings momentum ดีต่อเนื่อง อย่างน้อย 2 ไตรมาสติด โดย คาดกำไร 4065 โตเด่น YoY QoQ และ 1066 กำไรปกติลุ้นทำ New high (ผลจากการปรับขึ้นค่า Ft แต่ราคาพลังงานเริ่มทรงตัว | กำลังการผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้น) 3) ประเมินการรุกลงทุนธุรกิจด้านเทคโนโลยี (อาทิ ดาวเทียม THCOM / Data center ฯลฯ) จะหนุนการเติบโตในอนาคต ให้เด่นกว่าหุ้นโรงไฟฟ้าตัวอื่น 4) PBV 5.9 เท่า แม้จะคิดเป็นราว +1 เท่าของส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานในอดีต แต่ คาด ROE ของ GULF* จะเร่งตัวขึ้นจาก 10% ในปี 2565 เป็น +15% และ +17% ในปี 2566 – 67 ตามลำดับ

หุ้นมีข่าว

(+) AIS งบ Q4 ดีเกินคาด! กำไรทะลัก 7.4 พันล้าน หุ้นวิ่งตื่นข่าวตั้งกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (ข่าวหุ้น) ADVANC* งบไตรมาส 4/65 ออกมาดีเกินคาด! โชว์กำไรสุทธิ 7,363 ล้านบาท จากค่าเฉลี่ยนักวิเคราะห์ประเมินไว้ 6,900 ล้านบาท ทั้งปีกำไรกว่า 26,000 ล้านบาท ส่วน EBITDA margin สูงกว่า 48.4% อัตรากำไรสุทธิสูงลิ่ว 14% พร้อมจ่ายปันผลครึ่งปีหลัง 4.24 บาท ขณะที่ราคาหุ้นวิ่งคึกขานรับข่าว “ตั้งกองทุน โครงสร้างพื้นฐาน” หลังปิดดีลซื้อ 3BB-JASIF เสร็จสิ้น

(+) KBANK* ทุ่ม 3,500 ล้านบาท ส่ง Kinvesture ถือหุ้น JAM 9.9% (ผู้จัดการรายวัน 360 องศา) ธนาคารกสิกรไทยส่งบริษัท กสิกร อินเวสเจอร์ จำกัด (Kinvesture) เข้าลงทุนในหุ้นสามัญของบริษัท บริหารสินทรัพย์ เจ จำกัด (JAM) คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 9.9% ด้วยเงินลงทุนกว่า 3,500 ล้านบาท สนับสนุนการเติบโตของ JAM ในอนาคต

(+) AMATA*-BGRIM* ผนึก ดึงฐานทุนยุโรปเข้าไทย (ทันหุ้น) AMATA* จับมือ BGRIM* พัฒนาสมาร์ท ซิตี้ 200 ไร่ สำหรับทุนยุโรป หวังดึงกลุ่มเทคโนโลยีขั้นสูงเข้าไทย “วิกรม” ชี้ไทยเป็นเป้าหมายขยายฐานสู่เอเชียมากขึ้น ซูคาร์บอนต่ำจูงใจ ด้าน “ฮาราลด์ ลิงค์” ลั่น BGRIM พร้อมสนับสนุนพลังงานสะอาดรองรับ

(+) SIRI จับมือไนท์สบริดจ์พาร์ทเนอร์ ขายโฟลบายแสนสิริ ดันยอดขายต่างชาติปีนี้ 1.2 หมื่นล้าน (ข่าวหุ้น) “แสนสิริ” รุกหนักตลาดต่างชาติ รับดีมานด์พุ่ง! ประกาศจับมือ “ไนท์สบริดจ์ พาร์ทเนอร์” นำทัพเอเจนท์ขาย ‘FLO by Sansiri มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท คาดขายเต็มโควตาต่างชาติ 49% หนุนเป้ายอดขายต่างชาติปีนี้แตะ 12,000 ล้านบาท

(+) JWD ส่งซิกโค้งแรกเด่น SCG กันฐานโลจิสติกส์ (ทันหุ้น) JWD ส่งซิก Q1/2556 ผลงานโตเด่น อานิสงส์ดีลควบรวม SCGL หนุน คาดกระบวนการเสร็จในเดือนกุมภาพันธ์ 2566 เล็งเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท เอสซีจี เจดับเบิ้ลยูดี โลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) “SJWD” ส่วนรายได้จากการดำเนินธุรกิจปกติปี 2566 วางเป้าโต 15% จากปีก่อน รับพอร์ตธุรกิจขยายตัวต่อเนื่อง

หุ้นที่เคยแนะนำก่อนหน้า

  • BAFS (เป้าพื้นฐาน 36.5 บาท) แนวรับ 33.75 บาท / แนวต้าน 35-36 บาท กรณีผ่านแนวต้านได้ แนะนำ “Let profit run” (Trailing stop 32.75 บาท)
  • BJC* (เป้า Consensus 38.7 บาท) แนวรับ 38 บาท / แนวต้าน 40 บาท (Trailing stop 37.5 บาท)
  • ILM (เป้า Consensus 23.5 บาท) แนวรับ 19.0 บาท / แนวต้าน 19.8-20.0 บาท (Stop loss 19.0 บาท)
  • WHA* (เป้าพื้นฐาน 4.4 บาท) แนวรับ 3.9 บาท / แนวต้าน 4.02-4.10 บาท (Stop loss 3.86 บาท)
  • KSL (เป้า Consensus 4.95 บาท) แนวรับ 3.64 บาท / แนวต้าน 3.78-3.90 บาท (Stop loss 3.60 บาท)
  • ZEN* (เป้าพื้นฐาน 21 บาท) แนวรับ 17.7 บาท / แนวต้าน 18.4-18.7 บาท (Stop loss 17.6 บาท)
  • GLOBAL* (เป้าพื้นฐาน 24.4 บาท) แนวรับ 20.6 บาท / แนวต้าน 21.4-22.0 บาท (Stop loss 20.6 บาท)

Report ตามปัจจัยพื้นฐานวันนี้

  • AP* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 15.8 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q65 = 1.1 พันล้านบาท (+14% YoY -20% QoQ) ฝ่ายวิจัยฯ ปรับประมาณการฯปี 2566 ขึ้น และปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 15.8 บาท (เดิม 13.8 บาท)
  • ORI* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 13.4 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 4Q65 = 900 ล้านบาท (+48% YoY +34% QoQ) อย่างไรก็ดี ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯปี 2566 ลงเล็กน้อย สะท้อนสมมติฐานใหม่ (ปรับลดรายได้จาก JV / ยอดโอนโครงการ Low rise ลง) ราคาเป้าหมายใหม่ 13.4 บาท (เดิม 13.6 บาท)
  • ESSO* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 11.4 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดจะรายงานผลขาดทุนราว 2 พันล้านบาท ใน 4Q65 (พลิกขาดทุนเทียบ YoY / แต่ขาดทุนลดลงเทียบ QoQ) ฝ่ายวิจัยฯ ปรับลดประมาณการฯ และราคาเป้าหมายลงเป็น 11.4 บาท (เดิม 14.1 บาท) จากการปรับสมมติฐานเป้าหมาย EV/EBITDA ลง คาดปันผลสำหรับ 2H65 และ 1H66 หุ้นละ 0.65 บาท และ 0.4 บาท ตามลำดับ (Yield 7.1% และ 4.3% ตามลำดับ) ด้วยปันผลที่จูงใจ และ Downside ด้านราคาที่จำกัด (ผู้ถือหุ้นรายใหญ่เตรียมขายหุ้นให้ BCP) จึงปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” (เดิม “ถือ”)
  • EGCO* แนะนำ “ถือ” เป้าพื้นฐาน 195 บาท ฝ่ายวิจัยฯ คาดกำไร 4Q65 = 6.5 พันล้านบาท (+594% YoY Turnaround QoQ) โดยมีผลจากกำไรอัตราแลกเปลี่ยน กำไรจากการขายโครงการ Geothermal หากตัดรายการพิเศษกำไรปกติจะเท่ากับ 2 พันล้านบาท (-31% QoQ -6% YoY) คาดผลการดำเนินงานปี 2566 ทรงตัว YoY จึงคงคำแนะนำ “ถือ”
  • AAV* แนะนำ “ซื้อ” เป้าพื้นฐาน 3.7 บาท ฝ่ายวิจัยฯคาดกำไร 4Q65 = 2.95 พันล้านบาท (Turnaround YoY QoQ) ฝ่ายวิจัยฯคาดปี 2566 จะสามารถพลิกเป็นกำไรได้มากกว่าที่เคยคาดไว้เดิม ปรับคำแนะนำขึ้นเป็น “ซื้อ” (เดิม “ขาย”) ปรับราคาเป้าหมายขึ้นเป็น 3.7 บาท (เดิม 3.07 บาท)

หมายเหตุ: 1.* บริษัทอาจเป็นผู้ออกใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์บนหลักทรัพย์นี้ / 2. เป้าพื้นฐาน หมายถึง ราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐาน (Forecasted 12M Target price) ที่อ้างอิงจากบทวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานฉบับล่าสุดของฝ่ายวิจัยฯ / 3. เป้า Consensus หมายถึง ค่าเฉลี่ยของราคาเป้าหมายเชิงพื้นฐานที่จัดทำโดย Bloomberg consensus หรือ IAA Consensus

- Advertisement -