บล.บัวหลวง:
Eastern Polymer Group (EPG TB/EPG.BK)
EPG – กำไตรมาส 3/65 เป็นไปตามคาด; แนวโน้มกำไรเติบโตในไตรมาส 4/65
กําไรหลักเป็นไปตามคาด แต่กําไรสุทธิต่ำกว่าคาด
EPG รายงานคําไรสุทธิไตรมาส 3/65/66 (เดือน ต.ค.-ธ.ค. 2565) ที่ 212 ล้านบาท ลดลง 47% YoY และ 45% QoQ หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักจะอยู่ที่ 361 ล้านบาท ลดลง 2% YoY แต่เพิ่มขึ้น 8% QoQ ในขณะที่กำไรหลักเป็นไปตามที่เราคาด กำไรสุทธิต่ำกว่าที่เราคาด เนื่องจากขาดทุนพิเศษมากกว่าคาด (เป็นไปตามที่ตลาดคาด)
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
ปัจจัยหลักที่กดดันกำไรหลักให้ปรับตัวลดลง YoY ได้แก่ 1) ยอดขายของ EPP (ธุรกิจบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม) ที่ปรับตัวลดลง, 2) ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารที่เพิ่มขึ้น โดยอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อ ยอดขายเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 23.8% จาก 21.5% ในไตรมาส 3/64/65, และ 3) ส่วนแบ่งกำไรที่ลดลง ในขณะที่ปัจจัยหลักที่หนุนการเติบโตของกำไรหลัก QoQ ได้แก่ 1) ยอดขายของ EPP ที่เพิ่มขึ้น, 2) อัตรากําไรขั้นต้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น, และ 3) อัตราภาษีจ่ายที่ลดลง
รายได้ของ Aeroflex (ธุรกิจฉนวน) อยู่ที่ 839 ล้านบาท เติบโต 8% YoY (อุปสงค์ที่แข็งแกร่งทั้งในสหรัฐ, ไทย, และเอเชีย) แต่ลดลง 13% QoQ (ช่วงโลว์ซีซั่น) ในขณะที่ยอดขายของ Aeroklas (ธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์) อยู่ที่ 1,498 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6% YoY (อุตสาหกรรมยานยนต์ที่ปรับตัวดีขึ้น) แต่ลดลง 10% QoQ (น้ำท่วมในออสเตรเลีย) รายได้ของ EPP อยู่ที่ 669 ล้านบาท ลดลง 11% YoY (อุปสงค์บรรจุภัณฑ์อาหารที่ลดลง) แต่เพิ่มขึ้น 6% (อุปสงค์ในวงกว้างที่ฟื้นตัว) ทั้งนี้อัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมอยู่ที่ 34.6% เพิ่มขึ้นจาก 31.4% ในไตรมาส 3/64/65 (อัตรากำไรขั้นต้นของ Aeroflex และ EPP ที่เพิ่มขึ้น) และจาก 31.5% ในไตรมาส 2/65/66 (อัตรากำไรขั้นต้นของทุกหน่วยธุรกิจที่เพิ่มขึ้น)
แนวโน้ม
กําไรหลักของ EPG มีแนวโน้มขยายตัว YoY และ QoQ ในไตรมาส 4/65/66 (เดือน ม.ค. – มี.ค. 2566) หนุนโดยกำไรจากทุกหน่วยธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้น เราคาดว่ารายได้ของ Aeroflex จะปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ (กิจกรรมการก่อสร้างที่ฟื้นตัวทั้งในและต่างประเทศ) รายได้ของ Aeroklas คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ เนื่องจากกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ที่ปรับตัวดีขึ้น ในขณะที่การเปิดประเทศไทยจะหนุนอุปสงค์บรรจุภัณฑ์สำหรับอาหารและเครื่องดื่ม ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนยอดขายของ EPP ให้ปรับเพิ่มขึ้น YoY และ QoQ นอกจากนี้เราคาดว่าอัตรากำไรขั้นต้นโดยรวมของ EPG จะขยายตัว YoY และ QoQ (อัตรากำไรขั้นต้นของทุกหน่วยธุรกิจที่เพิ่มขึ้น หนุนโดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นและต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลง)
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2565 (รอบปีบัญชีปิดสิ้นเดือน มี.ค. 2566) ลง 18% มาอยู่ที่ 1,294 ล้านบาท เพื่อสะท้อน: 1) การปรับลดประมาณการอัตราการเติบโตของยอดขายจาก 11% มาอยู่ที่ 1% และ 2) การปรับเพิ่มประมาณการอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขาย และบริหารต่อยอดขายจาก 21 % มาอยู่ที่ 22% เราปรับเป้าหมายการลงทุนไปเป็น ณ สิ้นเดือน มี.ค 2566 และได้ราคาเป้าหมายด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ที่ 11.60 บาท
คำแนะนำ
คาดการณ์การเติบโตของกำไรหลักในไตรมาส 4/65/66 น่าจะเป็นปัจจัยหนุนราคาหุ้นได้ต่อไป นอกจากนี้ ปัจจุบัน EPG ชื้อขายที่ PE ณ สิ้นปี 2566 ที่เพียง 15.7 เท่า (ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวที่ 23.6 เท่า อยู่ 1 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน) ซึ่งยังคงอยู่ในระดับที่น่าสนใจ ดังนั้นเราจึงยังคงคำแนะนำ “ซื้อเก็งกำไร”