บล.ทรีนีตี้:
บมจ. ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ – TEGH
ซื้อ: ราคาเป้าหมาย 6.60 บาท, Upside/Downside +16%, Median Consensus 6.20 บาท
คาดกำไร 4Q65 ปรับตัวดีขึ้น หลังธุรกิจปาล์มเริ่มฟื้นตัว
- คาดกำไร 4Q65 ที่ 175 ล้านบาท ดีขึ้น 13%QoQ และ 14%YoY
- ธุรกิจยางอาจอ่อนตัวจากราคายางในตลาดโลกที่ลดลง และลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อตามฤดูกาล
- แต่ธุรกิจปาล์มมีแนวโน้มดีขึ้น เนื่องจากการปิดซ่อมบำรุงและปรับปรุงประสิทธิภาพเครื่องจักรแล้วเสร็จ
- คาดกำไรปี 66 เติบโตราว 15.5%YoY หลังธุรกิจปาล์มจะดีขึ้นต่อเนื่อง ขณะที่ธุรกิจยางจะเริ่มกลับมาดีขึ้นหลังราคายางเริ่มฟื้นตัวตามการเปิดเมืองของจีน
- คงราคาเป้าหมาย 6.6 บาท ยังคงมี Upside จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
คาดกำไร 4Q65 ปรับตัวดีขึ้น หลังธุรกิจปาล์มเริ่มฟื้นตัว
เราคาดกำไร 4Q65 ที่ 175 ล้านบาท ดีขึ้น 13%QoQ และ 14%YoY โดยธุรกิจยางอาจอ่อนตัว ลงตามแนวโน้มราคาขายยางในตลาดโลกที่อ่อนตัวลงตามสินค้าโภคภัณฑ์อื่นๆ บวกกับในช่วงปลายปีปริมาณขายมักลดลงตามฤดูกาล เนื่องจากลูกค้าชะลอคำสั่งซื้อเพื่อรอผลิตยางในรอบปีใหม่ แต่มีปัจจัยบวกที่ช่วยชดเชย คือ ธุรกิจปาล์มที่ฟื้นตัวหลังการปิดซ่อมบำรุงเครื่องจักรแล้วเสร็จ ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องอัตราการสกัดน้ำมันปาล์มจากปัญหาที่ปาล์มเข้า สกัดไม่ทันเช่นในไตรมาสก่อนที่อัตราการสกัดน้ำมันปาล์มต่ำ และมีสัดส่วนกรดไขมันสูง กระทบต่อราคาขาย ทำให้ในภาพรวมรายได้อาจอ่อนตัวลง 11%QoQ ขณะที่อัตรากำไรคาดปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยจาก 11.2% ใน 3Q65 มาอยู่ที่ 11.6% และสัดส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเทียบกับรายได้ปรับตัวขึ้นมาอยู่ที่ 6.0% จาก 5.8% ใน 3Q65
เริ่มเห็นราคายางฟื้นตัว ขณะที่ธุรกิจปาล์มจะดีขึ้นต่อเนื่อง
เราคาดกำไรปี 2566 จะเติบโตได้ราว 15.5%YoY จากธุรกิจปาล์มที่ฟื้นตัวขึ้นหลังการปิดซ่อมบำรุงและการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิตได้เสร็จสิ้นไปแล้ว ทำให้สามารถกลับมาเดินกำลังการผลิตได้เต็มที่ และจะมีอัตรากำไรที่ดีขึ้น ขณะที่ธุรกิจยางที่อ่อนตัวลงใน 4Q65 จะเริ่มฟื้นตัว ได้ตามแนวโน้มของราคายางในตลาดโลกที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น เนื่องจากจีนซึ่งเป็นผู้นำเข้ายางรายใหญ่ของโลกกลับมาเปิดประเทศ นอกจากนี้ธุรกิจพลังงานทดแทนและกำจัดของเสียจะปรับตัวดีขึ้นมากจากการขยายกำลังการผลิต ซึ่งในส่วน Biogas จะมีการขายไปยังภายนอกมากขึ้น ส่วนการเพิ่มกำลังการผลิตของโรงไฟฟ้าจะช่วยลดต้นทุนของบริษัท
คงราคาเป้าหมาย 6.60 บาท
เราคงราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 6.60 บาท อิง PER 8.9 เท่า แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้นมาแต่ยังมี Upside จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ”
ความเสี่ยง: ความผันผวนของราคายางและปาล์มน้ำมัน