บล.บัวหลวง:
VGI (VGI TB/VGI.BK)
VGI – กำไรสุทธิตรงกับที่เราคาด
ขาดทุนหลักตรงกับที่เราคาด
VGI รายงานกำไรสุทธิไตรมาส 3/65 ที่ 102 ล้านบาท (เดือน ต.ค. – ธ.ค. 2565) พลิกกลับเป็นกำไร YoY และเติบโต 51% QoQ หากไม่รวมกำไรจากการขายการลงทุนและสินทรัพย์ทางการเงิน ขาดทุนหลักจะอยู่ที่ 34 ล้านบาท ติดลบลดลง 55% YoY และ 77% QoQ ซึ่งกำไรสุทธิตรงกับที่เราคาด (แต่ดีกว่าที่ตลาดคาด) และขาดทุนหลักก็ตรงตามคาดเช่นกัน
ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ
รายได้อยู่ที่ 1.4 พันล้านบาท ลดลง 4% YoY แต่ขึ้น 12% QoQ รายได้สื่อนอกบ้านโดยรวมเติบโต 42% YoY และ 42% QoQ โดยจากสื่อนอกบ้านทั้งหมด กลุ่มสื่อบนระบบขนส่งเติบโต 31% YoY และ QoQ ขณะที่รายได้สื่อในสํานักงานปรับตัวขึ้น 227% YoY และ 245% QoQ ซึ่งรายได้สื่อนอกบ้านที่ปรับตัวขึ้น YoY และ QoQ (อัตราการใช้กำลังโฆษณาอยู่ที่ 58%) เป็นผลมาจากจํานวนผู้โดยสาร BTS ที่มากขึ้นและปัจจัยทางฤดูกาล
รายได้บริการด้านดิจิทัลปรับตัวขึ้น 22% YoY (ทรงตัว QoQ) หนุนจากการขายและค่าคอมมิชชั่นที่สูงขึ้นของแรบบิทกรุ๊ปและแรบบิทแคร์ รายได้การจัดจําหน่ายอยู่ที่ 380 ล้านบาท ลดลง 44% YoY และ 7% QoQ กดดันมาจาก สัดส่วนสินค้าที่เปลี่ยนแปลง เนื่องจาก Fanslink หันไปโฟกัสในการขายสินค้าที่ให้อัตรากำไรสูง
การลงทุนในบริษัทร่วมทุนและบริษัทย่อยรายงานขาดทุนที่ 94 ล้านบาท ติดลบน้อยลง 21% YoY แต่มากขึ้น 83% QoQ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากการขาดทุนของ KEX (การแข่งขันที่สูงขึ้นส่งผลให้ KEX ต้องใช้กลยุทธ์ตัดราคาที่หนักขึ้น เพื่อรักษาสถานะการเป็นผู้นำในตลาด) อัตรากำไรขั้นต้นของ VGI อยู่ที่ 34.3% ขึ้นจาก 22.7% ในไตรมาส 3/64 และ 22.8% ในไตรมาส 2/65
แนวโน้ม
อิงจากแนวโน้มจำนวนสายตาต่อสื่อนอกบ้านที่ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง เราคาดเม็ดเงินโฆษณาสื่อนอกบ้านจะขยายตัวในไตรมาส 4/65 (เดือน ม.ค. – มี.ค.) ขาดทุนหลักของ VGI จะลดลง YoY เราคาดขาดทุนหลักจะทรงตัว QoQ จากรายได้สื่อนอกบ้านที่ลดลงจากปัจจัยทางฤดูกาลที่น่าจะถูกกลบ โดยผลจากการขาดทุนของ KEX ที่ลดลงและผลการดำเนินงานของ Fanslink ที่ฟื้นตัว สังเกตว่ากำไรสุทธิของ VGI มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้น YoY และ QoQ หนุนจากกําไรจากการลงทุน
สิ่งที่เปลี่ยนแปลง
เราคงประมาณการขาดทุนหลักปี 2565 ดังเดิมที่ 340 ล้านบาท (ขาดทุนมาก ขึ้น 21% YoY)
คําแนะนํา
VGI กําลังเปลี่ยนจากบริษัทสื่อไปเป็นผู้ให้บริการด้านข้อมูล โดยการขยายฐานของข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับลูกค้าและการใช้งานที่ดียิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางการตลาดของเจ้าของแบรนด์ต่างๆ ในยุคที่ลูกค้ามีอำนาจมาก และ Big Data ทั้งนี้กำไรจากการลงทุนจะหนุนกำไรในระหว่างนี้