บล.เคจีไอ (ประเทศไทย):
JMT Network Services (JMT.BK/JMT TB)*
JK AMC ยังโตในอัตราเร่ง
Event
ประชุมนักวิเคราะห์ และปรับเพิ่มคำแนะนำ
Impact
JK AMC จะเริ่มมีกำไรเร็วกว่าที่คาดไว้
JMT เผยว่า JK AMC (JV ระหว่าง JMT KBANK) ได้รับซื้อหนี้เสียเข้ามาที่ประมาณ 2 หมื่นล้านบาท (บนมูลหนี้รวมประมาณ 7 หมื่นล้านบาท) ซึ่งเป็นราคาซื้อที่ประมาณ 25-27% ของมูลหนี้เบื้องต้น ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหนี้ไม่มีหลักประกันยอดหนี้ ทั้งนี้ JK AMC ได้บันทึกรายได้จากเก็บหนี้ดังกล่าวที่ 797 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 196 ล้านบาท ในงวดทั้งปี 2565 ซึ่ง JMT บันทึกส่วนแบ่งกำไรครึ่งหนึ่ง โดยเราใช้สมมติฐานยอดเก็บหนี้ (cash collection) ของ JK AMC ที่ 3 พันล้านบาท และคงมาร์จิ้นเท่าเดิม ดังนั้นคาดว่าส่วนแบ่งกำไรของ JMT ในปีนี้อยู่ที่ 400 ล้านบาท (จากสัดส่วนการถือหุ้นสุทธิใน JK AMC ที่ 45%)
การลดสัดส่วนการถือหุ้นใน JAM ไม่ถือเป็นประเด็นลบ
เรามองบวกกับดีลที่ KBANK จะเข้าซื้อหุ้น 10% ใน J AMC (JAM) จาก JMT โดยในปัจจุบัน JMT ถือหุ้น JAM 99.99% ซึ่งการดำเนินงานหลักของ JAM ได้แก่ i) บริหารพอร์ตหนี้ที่มีหลักประกัน และ ii) ถือ หุ้น 49.99% ใน JK AMC ทั้งนี้ การที่ KBANK เข้ามาลงทุนใน JAM ชี้ว่า i) ความร่วมมือที่แน่นแฟ้นมากขึ้นของ JMT และ KBANK ในการซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ ii) KBANK จะเป็นแหล่งเงินให้ JAM โดยภาระหนี้ที่ JMT จะใส่ไปที่ JAM ในอนาคต ทั้งนี้ แม้ว่า JMT จะได้รับส่วนแบ่งกำไรจาก JK AMC ลดลงจาก 49.99% เหลือ 45% แต่พอร์ตสินทรัพย์ด้อยคุณภาพที่ใหญ่ขึ้น และรายได้ก้อนใหญ่น่าจะเกิดพอที่จะชดเชยการถือหุ้นใน JAM ที่ลดลงได้
มีแผนจะรุกซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ และนำ JAM ออกขายหุ้น IPO ภายในปีนี้
JMT ตั้งเป้าจะรุกซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ 1.5 หมื่นล้านบาท (2/3 เป็นหนี้ปลอดหลักประกัน) ในปี 2566 (เพิ่มขึ้นจาก 4.5 พันล้านบาทในปี 2565) นอกจากนี้ JAM ก็จะเข้ามาซื้อสินทรัพย์ด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ เพื่อลดภาระหนี้และเพิ่มความสามารถในการซื้อสินทรัพย์ JMT จะนำ JAM ออกขายหุ้น IPO ภายในปี 2566
ปรับลดกำไรปี 2566F/2567F ลง 9%/7% และลดราคาเป้าหมายปี 2566F เหลือ 60 บาท (จากเดิม 72 บาท)
เราเพิ่มค่าใช้จ่ายที่อาจจะเกิดขึ้นในส่วนที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินคดีฟ้องร้องตามกฎหมายเข้ามาในรายการ SG&A ซึ่งทำให้สัดส่วน SG&A/รายได้ในปี 2566/2567 เพิ่มขึ้นเป็นปีละ 17% (จากเดิมที่ 15.5%) ทั้งนี้ เมื่อใช้ PE ที่ 40x ทำให้เราได้ราคาเป้าหมายปี 2566F ใหม่ที่ 60 บาท โดยเราปรับเพิ่มคำแนะนำจากถือเป็นซื้อ
Risks
ติดตามเก็บหนี้ได้ลดลง และ margin ลดลง ในขณะที่ต้นทุนการดำเนินคดีตามกฎหมายสูงกว่าที่คาดไว้