บล.ทรีนีตี้:

STARFLEX – สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX)

ซื้อ: ราคาเป้าหมาย 5.25 บาท, Upside/Downside +64%, Median Consensus – บาท

คาด 4Q65 กำไร +545% QoQ Margin ปรับดีขึ้น และแนวโน้ม 1H66 ยังดีต่อ ต้นทุนอยู่ในระดับต่ำ

  • คาดกำไร 4Q65 อยู่ที่ 32 ล้านบาท เพิ่มขึ้นทั้ง YoY และ QoQ จากต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลง และการเปลี่ยนกลยุทธ์มาเน้นขายสินค้าที่ให้ margin สูง
  • ประเมินแนวโน้มกำไร 1H66 จะยังดีต่อเนื่อง โดย Margin จะยังอยู่ระดับที่ 20% จากต้นทุนฟิล์มสำเร็จรูปที่อยู่ในระดับต่ำ
  • ปี 2556 มีโอกาสกำไรทำ New high โดย GPM ขยายตัวกลับเข้าใกล้ระดับปกติ ยอดขายมีแนวโน้มดีขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของลูกค้า และ demand สินค้าของลูกค้าเก่าเริ่มกลับมาหลังจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว
  • New journey มี Upside จากการทำ M&A ประเทศเวียดนาม
  • คำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 5.25 บาทต่อหุ้น (อิง PE 25 เท่า) เป็นการเติบโตจาก Organic Growth และยังมี upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการปัจจุบัน จากการเข้าไปลงทุนในเวียดนาม โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนช่วง 2H66

Earning Preview: คาดกำไร 4Q65 ฟื้นตัวเด่น ต้นทุนลด กำไรเพิ่ม

  • คาด SFLEX จะรายงานกำไร 4Q65 ฟื้นตัวมาที่ 32 ล้านบาท +11% YoY, +545% QoQ ต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลง และการเปลี่ยนกลยุทธ์มาเน้นขายสินค้าที่ให้ margin สูง ซึ่งเป็นกลุ่ม Non Food ที่บริษัทมีความถนัดและเชี่ยวชาญ
  • คาด gross margin ขยายตัวมาอยู่ที่ 16.4% (12.8% ใน 4Q64 และ 10.8% ใน 3Q65) จากราคาวัตถุดิบหลักอย่างฟิล์มสำเร็จรูปที่ปรับตัวลดลง โดยราคา Film LLDPE ปรับลดลงกว่า 25%YoY และ 2% QoQ โดยปกติบริษัทมีการ stock วัตถุดิบประมาณ 2-3 เดือน ดังนั้นตั้งแต่ 4Q65 จะเริ่มเป็นวัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำ

1H66 คาดกำไรยังดีต่อ Stock วัตถุดิบต้นทุนต่ำพร้อม

  • ประเมินแนวโน้มกำไร 1H66 จะยังดีต่อเนื่อง โดย Margin จะยังอยู่ระดับที่ 20% จากต้นทุนฟิล์มสำเร็จรูปที่อยู่ในระดับต่ำ เพราะบริษัทได้มีการ Stock ไว้อย่างน้อย 6 เดือน
  • คาด 2566 กำไร New High ประมาณการกำไรปี 2566 ราว 188 ล้านบาท คิดเป็น EPS ที่ 0.21 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย CAGR ปี 2565-2567 ราว 20% ต่อปี จากรายได้ที่เติบโตต่อเนื่อง ขณะที่มองว่าอัตรากำไรฟื้นตัวมาอยู่ในระดับปกติ

New Journey

  • คาดว่าจะมี M&A ในช่วง 2Q66 โดยบริษัทจะไปลงทุนในเวียดนาม ซึ่งนับว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และมีการเติบโตของการใช้ packaging ค่อยข้างสูง นอกจากนี้ฐานลูกค้ายังเป็นฐานลูกค้าในกลุ่มเดียวกัน บริษัทสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็น Flexible packaging ที่เป็นจุดแข็งของบริษัทได้ทันที นอกจากนี้ต้นทุนฟิล์มสำเร็จรูปของประเทศเวียดนามค่อนข้างต่ำ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมี Margin ที่สูงขึ้น

แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 5.25 บาท

  • แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 5.25 บาทต่อหุ้น (อิง PE 25 เท่า) เป็นการเติบโตจาก Organic Growth และ ยังมี upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการปัจจุบัน จากการเข้าไปลงทุนในเวียดนาม โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนช่วง 2H66

ความเสี่ยง: การเปลี่ยนแปลงของราคาต้นทุนวัตถุดิบ, ต้นทุนจากการผลิตสินค้าใหม่

- Advertisement -