Our View? “กลัวที่ไหน!”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,655 / 1,650 และแนวต้านที่บริเวณ 1,660 / 1,665 คาดตลาดจะได้รับ Sentiment เชิงลบจากตลาดต่างประเทศที่ปรับตัวลง หลังเมื่อคืนนี้กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือน ม.ค. ซึ่งเป็นมาตรวัตรเงินเฟ้อที่สําคัญของทางฝั่งภาคการผลิตออกมา +6.0% YoY และ +0.7% MoM แม้จะอยู่ในภาพชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้า แต่มากกว่าที่ตลาดคาดที่ระดับ +5.4% YoY และ +0.4% YoY อีกทั้งตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิตพื้นฐานไม่รวมอาหารและพลังงาน (Core PPI) เดือน ม.ค. ออกมาอยู่ที่ระดับ +5.4% YoY และ +0.5% MoM มากกว่าที่ตลาดคาดเช่นกัน สะท้อนเงินเฟ้อของสหรัฐชะลอตัวลงช้ากว่าที่ตลาดคาดทั้งทางฝั่งของภาคการบริโภคและทางภาคการผลิตหลังตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือน ม.ค. ที่ออกมาแล้วก่อนหน้ารายงานออกมามากกว่าคาดเช่นกัน ขณะที่ตัวเลขผู้ขอยื่นรับ สวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ของสหรัฐออกมาลดลงสู่ระดับ 1.94 แสนราย น้อยกว่าคาด และต่ำกว่าระดับ 2.15 แสนรายซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยของตัวเลขก่อนเกิดวิกฤต COVID-19 สะท้อนตลาดแรงงานสหรัฐยังคงแข็งแกร่งต่อเนื่อง คาดจะกระตุ้นความกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (FED) จะยังปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นต่อไปสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ ก่อนหน้า จากตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐในหลายส่วนออกมาดีกว่าที่ตลาดคาดการณ์แต่ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อกลับลดลงช้ากว่าที่ตลาดคาดไว้ อีกทั้งเจ้าหน้าที่ FED หลายท่านยังออกมาสนับสนุนถึงการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อเนื่อง ทั้งนี้ CME Fed Watch Tools สะท้อนคาดการณ์นักลงทุนคาด FED จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% อีก 3 ครั้ง ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสูงสุดอยู่ที่ระดับ 5.50% ในเดือน มิ.ย. มากกว่าที่ตลาดคาด และจะคงอัตราดอกเบี้ยดังกล่าวไป จนถึงช่วงปลายปีนี้

ขณะที่ Dollar Index ปรับตัวขึ้นท่าจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้นอีกครั้งอยู่ที่ระดับ 104.00 +/- สะท้อนภาวะ Risk-off ของตลาด รวมทั้งอัตราผลตอบแทนสหรัฐ (US-Bond Yield) ฟื้นตัวขึ้นต่อ โดยล่าสุด 10 Year US Bond Yield อยู่ที่ระดับ 3.87% +/- ทำจุดสูงสุดใหม่ในภาพระยะสั้นเช่นกัน จากความกังวล FED จะเดินหน้าขึ้นอัตรา ดอกเบี้ยและคงดอกเบี้ยไว้มากกว่าที่ตลาดคาด คาดจะเป็นปัจจัยลดทอนความน่าสนใจในแง่อัตราผลตอบแทน ระหว่างสินทรัพย์เสี่ยงเปรียบเทียบกับสินทรัพย์ปลอดภัย คาดจะกดดันทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงได้

สําหรับปัจจัยในประเทศ คาดตลาดหุ้นไทยวันนี้แนะน่าติดตามตัวเลข GDP 4Q65 ของไทย คาดจะออกมาที่ระดับ 3.6% YoY และ 0.6% QoQ ขณะที่ทั้งปี’65 จะอยู่ที่ระดับ 3.2% เป็นการฟื้นตัวขึ้นต่อเนื่องแบบค่อยเป็นค่อยไปหลังผ่านพ้นวิกฤตการณ์ COVID-19 ยังเป็นปัจจัยเชิงบวกระยะกลางต่อตลาดหุ้นไทยได้ ขณะที่เราคาดว่าแรงขายของนักลงทุนต่างชาติอาจเริ่มชะลอลงไปแล้ว หลังค่าเงินบาทที่เร่งตัวขึ้นในช่วงก่อนหน้าเริ่มมี Upside ในการอ่อนค่าที่จำกัดล่าสุดอยู่ที่ระดับ 34.50 +/- บาท/ดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่การรายงานผลประกอบการ 4Q65 ของหุ้นไทยในหลาย Sector ที่ส่วนใหญ่ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาด คาดจะกดดันทิศทาง EPS ของตลาดในปีนี้ลดลง ได้บ้าง เป็นปัจจัยกดดัน จำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยได้บ้าง

อย่างไรก็ตามเรา แนะนำสะสมหุ้นในบางกลุ่มที่ถึงแม้ผลประกอบการออกมาแย่กว่าคาด แต่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ต่อในปีนี้อาทิ 1.) หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC, BGRIM และ GULF) และ 2). หุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL และ SCB) 3.) กลุ่มปิโตรเคมี (SCC, PTTGC และ IVL) เรามองราคาอ่อนตัวลงรับรู้การรายงานผลประกอบการ 4Q65 ไปบ้างแล้วในระดับหนึ่ง ในส่วนของสัปดาห์หน้าแนะนำติดตามการประกาศผลประกอบการ 4Q’65 ของหุ้นในกลุ่มค้าปลีก (MAKRO, BJC, CPALL, DOHOME และ HMPRO) โดยเรายังคงคาดหวังการฟื้นตัวขึ้นได้จาก 3Q′65 ตามยอด SSSG ในช่วง 4Q′65 ที่เริ่มฟื้นตัวขึ้น คาดจะเป็นปัจจัยช่วยผ่อนคลายกังวลเกี่ยวกับผลประกอบการของตลาดหุ้นไทยได้บ้าง

ธีมการลงทุน “Selective Play”
หุ้นแนะนำวันนี้ “PTTGC”
กลยุทธ์ แนวรับ 49.00 / 48.25 Target 52.50 / 54.50 Stop <47.75
- Advertisement -