บล.ฟิลลิป:

เคซีอี อีเลคโทรนิคส์ – KCE กลับมาฟื้นตัวชัดเจนสุดในกลุ่ม

ช่วงที่เหลือของปีหายห่วง

แนวโน้มการดำเนินงานช่วงที่เหลือของปีคาดว่าไม่มีปัญหาในเรื่องของกำไร แต่ขึ้นกับว่าบริษัทจะสามารถผลิตและส่งมอบได้หรือไม่ เพราะปัญหา COVID-19 ที่เกิดขึ้น ทำให้บริษัทต้องมีมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้นในการตรวจคัดกรองพนักงาน เพื่อป้องกันไม่ให้กระทบต่อการผลิตอย่างที่เคยเกิดขึ้นในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ที่ต้องหยุดผลิตไปมากกว่า 10 วัน อย่างไรก็ตามคาดว่ายอดขายใน 3Q64 จะเพิ่มขึ้นราว 3-5% q-q และใน 4Q64 +20% q-q เนื่องจากมีกำลังการผลิตใหม่เข้ามา ทั้งจากโรงงานลาดกระบังและเคซีอีเทคฯ และคาดว่าแนวโน้ม margin ในครึ่งปีหลังจะดีกว่าในครึ่งปีแรก จากรับรู้ผลบวกเต็มที่จากการปรับราคาขายไปตั้งแต่ปลายพ.ค. ที่ผ่านมา ประกอบกับค่าเงินบาทที่อ่อนค่า และการใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้น ทำให้ทางฝ่ายปรับประมาณการผลการดำเนินงานปี 2564 ขึ้น 16% จากประมาณการเดิมภายใต้ยอดขาย 15,170 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32% y-y และปรับ margin ขึ้นจากเดิมปรับกำไรสุทธิเพิ่มเป็น 2,569 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 128% y-y (โดยค่าเงินบาทที่เปลี่ยนแปลงทุก ๆ 1% จะส่งผลกระทบกับกำไรสุทธิ 0.5%)

การก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่อาจล่าช้าจาก COVID-19

ผู้บริหารพูดถึงแผนการก่อสร้างโรงงานแห่งใหม่คาดว่าจะอยู่ที่โรจนะพื้นที่ 67 ไร่ เบื้องต้นคาดเงินลงทุน 3,000 ล้านบาท มีกำลังการผลิตรวม 2.1 ล้านตารางฟุต แต่คาดว่าโครงการดังกล่าวอาจล่าช้ากว่าแผนเดิมที่วางไว้จาก COVID-19 ที่เกิดขึ้น แต่คาดว่าจะพยายามให้แล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 3 ปี 2565 โดยในเฟส 1 จะมีกำลังการผลิตที่ 6-7 แสนตารางฟุต ซึ่งคาดว่าโรงงานดังกล่าวจะช่วยรองรับคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากลูกค้าในกลุ่มใหม่ๆ ในกลุ่ม consumer

แนวโน้มปีหน้าคาดยังโตต่อ

ผู้บริหารให้แนวโน้มยอดขายปีหน้าว่าจะขยายตัว 19% y-y จากคำสั่งซื้อที่ยังดี แม้ว่าปลายปี 64 จะมีการต่อรองราคาใหม่ในปีหน้า แต่คาดว่าราคาขายคงไม่ลดลงเหมือนในอดีตจากคำสั่งซื้อที่ยังแข็งแกร่งประกอบกับการขยายกำลังการผลิตจากโรงงานเดิมเพิ่มอีก 20% ในช่วงปลายไตรมาส 3’64 ที่จะหนุนให้ยอดขายเป็นไปตามแผนได้ อีกทั้งยังได้ผลบวกจากเงินบาทที่อ่อนค่า ทำให้คาดว่าการดำเนินงานปี 2565 ยังเติบโตได้ และกลับไปสู่ช่วงการดำเนินงานที่ดีอีกครั้ง

ปรับเพิ่มคำแนะนำ “ซื้อ” ปรับราคาพื้นฐานเพิ่มเป็น 101 บาท

ทางฝ่ายยังชอบ KCE สุดในกลุ่ม จากได้อานิสงส์ตามเศรษฐกิจโลกที่ฟื้นตัวร่วมกับการปรับปรุงประสิทธิภาพภายในองค์กรควบคู่กันไป ทำให้การดำเนินงานกลับมาฟื้นตัวได้แข็งแกร่ง แม้ราคาหุ้นจะปรับขึ้นมาสะท้อนปัจจัยดังกล่าวมาแล้ว แต่เป็นหุ้นที่ต้องมีไว้ในมือ จากศักยภาพการดำเนินธุรกิจที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตก้าวกระโดดอีกครั้ง ปรับเพิ่มคำแนะนำเป็น “ซื้อ” ปรับราคาพื้นฐานเป็น 101 บาท

- Advertisement -