Daily Focus: Selective and Earnings Play
2023SET Target: 1750
ตลาดหุ้นวานนี้ : SET Index ปรับตัวขึ้นแข็งแรงกว่าคาด ปิดบวก 10.90 จุด หนุนจาก DELTA ที่ประกาศกำไรดีกว่าคาดและแตกพาร์ รวมถึง OSP-CBG ที่บวกแรงจากประเด็น กระทิงแดงแจ้งปรับเพิ่มราคาขายปลีกจาก 10 บาทเป็น 12 บาท ส่วนกลุ่มที่ถ่วงตลาด ได้แก่ ธนาคาร ปิโตรเคมี สถาบันในประเทศซื้อสุทธิในตลาดหุ้นหนาแนน 1.7 พันลบ. ขณะที่นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิบางๆ 427 ลบ. (แต่ Long Index Futures สูงถึง 4.9 หมั่นสัญญา)
แนวโน้มตลาดวันนี้ : เราคาด SET Index แกว่ง Sideways ในกรอบ 1,650-1,665 จุด บรรยากาศการลงทุนถูกกดดันจากฝั่งสหรัฐฯหลังเงินเฟ้อ PPI กลับมาเร่งตัวขึ้น +0.7% m-m และชะลอช้ากว่าคาด +6% y-y ซึ่งตอกย้ำทิศทางนโยบายการเงินของ FED ที่จะ ปรับขึ้นต่อเนื่องแตะระดับสูงสุดที่ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือน มิ.ย. รวมถึงกรรมการ FED บางท่านกล่าวถึงความเป็นไปได้ที่จะเห็นการเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยของ FED เป็น 0.50% ทำให้ Bond Yield ยังปรับขยับสูงขึ้น และกดดันสินทรัพย์เสี่ยงให้ยังฟื้นตัวได้จำกัด ส่วนวันนี้ปัจจัยในประเทศที่ต้องติดตามคือ GDP 4Q22 ของไทย ขณะที่สัปดาห์ หน้าจะเป็นช่วงประกาศประกอบการ 4Q22 ของกลุ่ม Consumption และ Reopening Play ที่จะออกมาหนาแน่น และเป็นกลุ่มที่ตลาดคาดหวังการฟื้นตัวค่อนข้างสูง หากออกมาไม่ต่ำกว่าคาดเราเชื่อว่าจะช่วยทำให้แรงขายในตลาดชะลอลง และเพิ่มความเชื่อมั่นต่อแนวโน้มการฟื้นตัวใน 1Q23-2023 ได้ เรายังมองจังหวะพักตัวของดัชนียังเป็นโอกาสในการสะสมระยะกลาง-ยาวจากเศรษฐกิจไทยที่ทยอยเร่งตัว แนวรับหลักที่ทำให้อยู่ในแนวโน้มขาขึ้นอยู่ที่ 1,630+- จุด
กลยุทธ์ : เลือกเก็งกำไรหุ้นที่มีปัจจัยบวกเฉพาะตัว และคาดกำไร 4Q22 แข็งแกร่ง//ระยะ กลาง-ยาวสะสม Domestic และ Reopening Play ช่วงพักตัว
หุ้นเด่นเดือน ก.พ. : BA, BDMS, BEM, CENTEL, NOBLE
หุ้นเด่นวันนี้ : ICHI
- แนะนำ “เก็งกำไร” มีแนวโน้มปรับเพิ่มราคาเป้าหมายจากปัจจุบันที่ 12.50 บาท
- แนวโน้มกำไร 4Q22 อาจดีกว่าคาดราว 7-10% มีลุ้นโต q-q ทั้งที่ปกติเป็น Low Season ของธุรกิจ แต่เครื่องดื่ม Tansansu ได้รับการตอบรับที่ดีกว่าคาด
- โดยเตรียมออกรสชาติใหม่ หลังขยายไปร้านค้าปลีกอื่นที่ไม่ใช่ 7-11 เพิ่ม น่าจะช่วย หนุนรายได้ใน 1Q23 ที่กำลังเข้าสู่ช่วง High season อีกครั้ง กอปรกับจะเริ่มรับรู้ต้นทุน เม็ดพลาสติกที่ถูกลง เริ่มเห็น Upside ต่อกำไรปี 2023 จากปัจจุบันคาดไว้ 730 ลบ. +30% y-y
- แนวรับ 12-11.70 บาท แนวต้าน 12.70-13//14 บาท
Fund Flow : วานนี้กระแสเงินทุนพลิกมาไหลเข้าภูมิภาค US$524 ล้าน นำโดยไต้หวันและเกาหลีใต้ US$386 ล้านและ US$201 ล้าน ตามลำดับ ส่วนอาเซียนเม็ดเงินไหลออกทุกประเทศ นำโดยอินโดนีเซีย US$38 ล้าน แนวโน้มของกระแสเงินทุนคาดว่ามีโอกาสพลิกมาไหลออกจากความกังวลเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ปรับลงช้า ทำให้ FED ยังต้อง เดินหน้าขึ้นดอกเบี้ยและอาจปรับขึ้นในอัตราเร่ง
ประเด็นสำคัญวันนี้
(0) ติดตามตัวเลข GDP 4Q22 ไทยวันนี้ ตลาดคาด +0.6% q-q, +3.6% y-y และคาดทั้งปี 2022 จบที่ +3.2% y-y สอดคล้องกับประมาณการของธปท.ที่คาด +3.2% y-y เครื่องยนต์สำคัญที่คาดว่าจะเติบโต คือการบริโภคภาคเอกชนและการท่องเทียวที่เร่งตัว หากออกมาสอดคล้องกับที่คาดจะช่วยหนุนความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจในปี 2023 ที่คาดว่าจะเติบโตในอัตราเร่ง โดยคาดการณ์ของธปท.อยู่ที่ +3.7% y-y
(+) SC ประกาศกำไรสุทธิ 4Q22 ที่ 935 ลบ. +43% q-q, +61% y-y ดีกว่าที่เราคาด 19% หนุนจากยอดโอนที่แข็งแกร่ง +41% q-q, +22% y-y รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจาก JV ที่สูงขึ้น ด้าน Gross Margin ขยับลงเล็กน้อย q-q จากการดอนคอนโด ซึ่งมี Margin ต่ำ แต่สูงขึ้น y-y จบปี 2022 กำไรสุทธิอยู่ที่ 2.56 พันลบ. +24% y-y พร้อมประกาศจ่ายปันผลงวด 2H22 ที่ 0.17 บาทต่อหุ้น คิดเป็น Dividend Yield 3.8% ปัจจุบันประมาณ การกำไรปี 2023 ปัจจุบันเราคาดที่ 2.52 พันลบ. -2% y-y จากฐานที่สูงในปี 2022 โดย SC จะมีการแถลงแผนธุรกิจวันที่ 2 มี.ค. ซิ่งคาดว่าโทนยังเป็นบวก และ Aggressives ยังคงราคาเป้าหมาย 5 บาท แนะนำ “ซื้อ”
(+) BVG เข้าเทรดวันนี้ เป็นหนึ่งในผู้นำด้านบริการเคลมของธุรกิจประกันภัยรถยนต์และสุขภาพ มีลูกค้าและเครือข่ายคู่ค้าประกันภัยที่แข็งแกร่ง มีส่วนแบ่งตลาดกว่า 41% โดยมีแผนในการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและระบบจัดการสินไหมทดแทนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อลดต้นทุน รวมถึงสามารถต่อยอดธุรกิจใน ต่างประเทศ เราคาดกำไรปี 2023+ 16% y-y และ +20% y-y ในปี 2023 เราประเมินราคาเป้าหมายที่ 4.48 บาท และคาด Dividend Yield ต่อปีราว 3-4% (Finansia เป็นผู้จัดจ่าหน่าย)
(-) ตลาดดาวโจนส์ ลดลง 431.20 จุด หรือ -1.26% ปิดที่ 33,696.85 จุด หลังสหรัฐรายงานตัวเลขดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) +6.0% Y-Y ในเดือนม.ค. สูงกว่าที่ตลาดคาดที่ +5.4% Y-Y รวมถึงตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐครั้งแรก ลดลงต่ำกว่าที่ตลาดคาด สะท้อนภาพรวมตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นปัจจัยที่ตลาดกังวลว่า FED จะยังใช้นโยบายการเงินแบบเข้มงวดต่อไป
(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวกแรงหนุนจากการที่ตลาดหุ้นฝรั่งเศสพุ่งขึ้น หลังจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน
(-) ตลาดหุ้นเอเชีย เปิดลบ ตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐ
(-) ค่าเงินบาท อ่อนค่า อยู่ที่บริเวณ 34.48 บาท/ดอลลาร์สหรัฐ
(-) ราคาน้ำมันดิบ NYMEX ลดลง 10 เซนต์ หรือ 0.13% ปิดที่ 78.49 ดอลลาร์/บาร์เรล โดยคาดไร้แรงกดดันจากสต็อกน้ำมันดิบที่สูงเกินคาดของสหรัฐ ในขณะที่เช้านี้ปรับลงต่อที่ระดับ 78.03 ดอลลาร์/บาร์เรล หรือ -0.59%
(+) ราคาทองคำ COMEX เพิ่มขึ้น 6.5 ดอลลาร์ หรือ 0.35% ปิดที่ 1,851.8 ดอลลาร์/ออนซ์ จากการอ่อนค่าของดอลลาร์ ในขณะที่เช้านี้ย่อตัวลงที่ระดับ 1,842.2 ดอลลาร์/ออนซ์ หรือ -0.52%
SPDR Gold Trust ถือครองทองคำ 921.08 / +0.29