เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนานกว่าคาด

ตลาดหุ้นวานนี้… SET Index ปิดที่ 1,658.29 จุด เพิ่มขึ้น 10.90 จุด (+0.66%) มูลค่าการซื้อขาย 63,734.90 ล้านบาท ได้ปัจจัยหนุนจากแรงเก็งกำไรหุ้นรายตัว

แนวโน้มตลาดวันนี้… ยังรับความเสี่ยงที่เฟดจะปรับอัตราดอกเบี้ยมากกว่าที่คาดจากเดิมอีก 2 ครั้ง สู่ระดับ 5.00-5.25% เป็น 3 ครั้ง สู่ระดับ 5.25-5.50% ในปีนี้ หลังก.แรงงานสหรัฐรายงานดัชนี PPI ม.ค. พุ่งขึ้น 6%YoY สูงกว่าที่คาด 5.4% รวมถึงตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงต่ำกว่าระดับ 2 แสนรายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในสหรัฐ สะท้อนตลาดแรงงานสหรัฐยังแข็งแกร่ง รวมถึงเจ้าหน้าที่เฟดหลายท่านออกมาสนับสนุนให้เฟดเดินหน้าปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะจาก เจมส์ บูลลาร์ด ประธานเฟดสาขาเซนต์หลุยส์ ที่เสนอให้เฟดปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมรอบมี.ค. นี้ ด้าน dollar index ยังคงแข็งค่าขึ้นต่อเนื่อง และ US bond yield ยังปรับตัวขึ้น โดยเฉพาะ bond yield ระยะยาวที่ปรับตัวขึ้นแรงกว่าระยะสั้น ส่วนปัจจัยในประเทศติดตาม การทยอยประกาศงบ 4Q ของบจ. และ outlook รวมถึงการทยอยประกาศจ่ายปันผลของกลุ่มธนาคารในสัปดาห์หน้า (คาด KKP 3.25 บาท/หุ้น Div yield = 4.87%, TISCO 7.75 บาท/หุ้น Div yield = 7.63%)

สัปดาห์หน้าติดตาม…

    • 20 ม.ค. GDP ไทย คาดว่าขยายตัว 4.5%
    • 23 ม.ค. GDP 4Q65 สหรัฐฯ ตลาดคาด +2.9%QoQ ทรงตัวจากครั้งก่อน
    • 24 ม.ค. PCE ม.ค. +0.3%QoQ ทรงตัวจากงวดก่อน

กลยุทธ์การลงทุน… ประเมิน SET Index แกว่งตัว sideway แนะนำ Trading ในกรอบ 1646-1672 และ Selective buy ในธีม 1. Dividend stock KKP TISCO TASCO SPALI PSL 2. Defensive BCH BDMS BH PR9 ADVANC

Fund flow rotation ... กลุ่มจ่ายปันผลสูง

เคาะไป คุยไป BH

  • บริษัท รายงานกำไรสุทธิอยู่ที่ 4Q65 1,546 ล้านบาท (+3.0%QoQ, +152.6% YoY) เนื่องมาจากรายได้รวมเท่ากับ 6,068 ล้านบาท (+6.6%QoQ, +54.6%YoY) โดยหลักเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ แลผู้ป่วยชาวไทย 105.2% และ 3.1% ตามลำดับ ด้านต้นทุนของกิจการโรพยาบาลเท่ากับ 3,136 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 38.5% YoY สัดส่วนใหญ่ที่เพิ่มขึ้นมาจากผลของค่าธรรมเนียมแพทย์ แต่ยังเพิ่มขึ้นในอัตราที่น้อยกว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้น ทำให้อัตรากำไรขั้นต้นปรับตัวดีขึ้น ด้านค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารเท่ากับ 1,047 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25.2% YoY เนื่องจากมีค่าการตลาดและค่าใช้จ่ายพนักงานที่เพิ่มขึ้น ค่าใช้จ่ายทางการเงินที่ลดลงกว่า 97.8%YoY ส่งผลให้อัตราทําไรสุทธิ เท่ากับ 25.5% เทียบกับ 4Q64 เท่ากับ 15.6%
  • เมื่อเทียบผลประกอบการในช่วง 4Q62 (ก่อนเกิด COVID-19) รายได้จากกิจการโรงพยาบาลปรับตัวขึ้น 25.5% YoY ทั้งรายได้ชาวต่างชาติและชาวไทยที่ 28.6% และ 23.9% ตามลำดับ ส่งผลให้อาจเห็นรายได้ และกำไรเติบโตได้ต่อเนื่องจากปี 2562
  • ขณะที่แนวโน้มปี 2566 โมเมนตัมของผู้ป่วยต่างชาติยังคงมีอย่างต่อเนื่อง และยิ่งมีการเปิดประเทศของจีนเป็นปัจจัยหนุนรายได้เต็มปีในปีนี้ การปรับขึ้นของราคาให้คลอบคลุมต้นทุนโรงพยาบาลที่สูงขึ้น ทำให้สามารถรักษาอัตรากําไรขั้นต้นได้ดี ที่ประมาณการเดิม เราแนะนําชื้อที่ราคาเป้าหมาย 240 บาท อิงวิธี DCF ที่ WACC เท่ากับ 6.48% ทั้งนี้เราอาจมีการปรับประมาณการมูลค่าพื้นฐานเพิ่มขึ้น หลังจากมีการ Analyst Meeting ครั้งถัดไป

Global Markets

(-) ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดร่วงลงกว่า 400 จุด หลังสหรัฐเปิดเผยตัวเลขเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นเกินคาด และตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟด

(+) ตลาดหุ้นยุโรป ปิดบวก แรงหนุนจากการที่ตลาดหุ้นฝรั่งเศสพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ครั้งใหม่ หลังได้แรงหนุนจากการเปิดเผยผลประกอบการที่แข็งแกร่งของบริษัทจดทะเบียน

(-) สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ปิดลบได้รับแรงกดดันจากสต็อกน้ำมันดิบที่สูงเกินคาดของสหรัฐ รวมทั้งความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจสหรัฐ

(+) สัญญาทองคำตลาด COMEX ปิดบวกจากการอ่อนค่าของดอลลาร์ เป็นปัจจัยหนุนสัญญาทองคําปิดในแดนบวก หลังจากราคาสัญญาร่วงลงในระหว่างวัน จากความกังวลเกี่ยวกับภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น หลังจากตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐออกมาสูงเกินคาด

- Advertisement -