บล.บัวหลวง:

LPN Development (LPN TB/LPN.BK)

LPN – ต่ำกว่าคาดมาก! เรามีมุมมองเชิงลบต่อมุมมองของผู้บริหาร

กำโรหลักด่ำกว่าที่เราคาด 55%

LPN รายงานกําไรหลักไตรมาส 4/65 ที่ 39 ล้านบาท เติบโต 20% YoY แต่ลดลง 84% QoQ ซึ่งต่ำกว่าที่เราคาด 55% (และต่ำกว่าตลาดคาด 49%) เนื่องจากรายได้และอัตราเท่าไรขั้นต้นต่ากว่าเราคาด ขณะที่ค่าใช่จ่ายด้านภาษีสูงกว่าที่เราคาด ผลประกอบการไตรมาส 4/65 ส่งผลให้กำไรหลักในปี 2565 อยู่ที่ 612 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 104% YoY LPN ประกาศจ่ายเงินปันผลสําหรับครึ่งหลังของปี 2565 ที่ 0.12 บาทต่อหุ้น (เราคาดที่ 0.20 บาทต่อหุ้นและตลาดคาด 0.19 บาทต่อหุ้น) ซึ่งคิดเป็นอัตราตอบแทนจากเงินปันผลขั้นต้นที่ 2.8% (จะขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 1 มี.ค. และจ่ายปันผลในวันที่ 18 เม.ย.)

ประเด็นสำคัญจากผลประกอบการ

ผลประกอบการไตรมาส 4/65 ที่อ่อนตัว เนื่องจากยอดขายและอัตรากำไรที่ลดลง (การเติบโต YoY เนื่องจากฐานที่ต่ำมากในไตรมาส 4/64) LPN รายงานยอดขายอสังหาฯ ที่ 1.4 พันล้านบาท (โครงการคอนโด 62% และ โครงการแนวราบ 38%) เติบโต 15% YoY แต่ลดลง 63% QoQ ไม่มีการโอนโครงการคอนโดในไตรมาส 4/65 ยอดขายโครงการแนวราบเติบโต 17% YoY และ 26% QoQ หนุนมาจากโครงการบ้าน 365 พระราม 3 รายได้ค่าเช่า และบริการอยู่ที่ 514 ล้านบาท เติบโต 26% YoY และ 9% QoQ อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 22.0% ในโตรมาส 4/55 เพิ่มขึ้น 60bps YoY และ 170bps QoQ สัดส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารอยู่ที่ 4.2% ลดลง 16% YoY และ 9.8% QoQ เนื่องจากการคืนต้นทุนจากรายการค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารไปยังรายการต้นทุนการเช่าและบริการ ทั้งนี้ สัดส่วนหนี้สินที่มีภาระต่อทุนสุกะยังทรงตัว QoQ อยู่ที่ 0.8 เท่า ณ สิ้นปี 2565

แนวโน้ม

เราคาดกำไรไตรมาส 1/66 จะลดลง YoY เนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่ถูกกดตันจากยอดขายเคลียสต๊อก (แต่กำไรจะเพิ่มขึ้น QoQ จากฐานที่ต่ำในโตรมาส 4/65 ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้นจากการขายในไตรมาส 1/66 จะอยู่ใน กรอบ 21-22% เทียบกับ 22.0% ในไตรมาส 1/65 และไตรมาส 4/65 โครงการ ลุมพินี ทาวน์ชิป รังสิต-คลอง 1 (มูลค่าโครงการ 1.2 พันล้านบาท จองแล้ว 10%) เริ่มโอนไตรมาส 1/66 รายได้ค่าเช่าและบริการมีแนวโน้ม เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง YoY และ QoQ ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารคาดว่าจะเพิ่มขึ้น YoY (ทรงตัว QoQ) เนื่องจากมีกำหนดการเปิดโครงการใหม่ 3 โครงการในช่วงไตรมาส 1/55 ได้แก่ เมชอง 168 เมืองทอง มูลค่าโครงการ 2.5 พันล้านบาท), เรสซิเดนซ์ 168 ราชพฤกษ์ (620 ล้านบาท) และ วิลล่า 168 เวสต์เกต (270 ล้านบาท)

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เราและตลาดมีความคาดหวังไม่มากนักสําหรับ LPN ในปีนี้ เนื่องจากการแข่งขันที่รุนแรงและการเคลียร์สต๊อกของบริษัท ประมาณการกำไรหลัก 2566 ของเราอยู่ที่ 570 ล้านบาท ต่ำกว่าระดับก่อนช่วงโควิด 54%) ยอดขายที่อยู่อาศัยคาดว่าจะอยู่ที่ 6.9 พันล้านบาท (ลดลง 18% YoY และต่ำกว่าเป้าหมายของ LPN ที่ 7.2 พันล้านบาท 5%)

เราคาดอัตรากำไรขั้นต้นจากการขายที่อยู่อาศัยอยู่ที่ 23.1% เพิ่มขึ้น 190bps YoY จากระดับต่ำสุดในรอบ 10 ปีในปี 2565 เนื่องจากบริษัทมีแบรนด์ใหม่ ได้แก่ 168 ซึ่งเราคาดว่าจะให้อัตรากำไรขั้นต้นที่เพิ่มขึ้นเมื่อโครงการเริ่มโอนในปี 2566

คำแนะนำ

เราคาดผลประกอบการไตรมาส 4/65 ที่น่าผิดหวังจะส่งผลให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลง นอกจากน้ี แนวโน้มของ LPN ยังอ่อนแอ ดังนั้นการปรับลดประมาณการกำไรปี 2566 จึงเป็นไปได้สูง ทั้งนี้เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” โดยมีราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ที่ 4.50 บาท อิงจาก PER ที่ 11.5 เท่า (สูงกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาวของบริษัทอยู่ 0.5 ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน)

 

- Advertisement -