บล.บัวหลวง:

Jasmine Broadband Internet Infrastructure Fund (JASIF TB / JASIFu.BK)

JASIF – กำไรหลักเป็นไปตามคาด; มีอัพไซด์ต่อประมาณการกำไรปี 2566

กําไรสุทธิต่ำกว่าคาด แต่กำไรหลักและเงินปันผลต่อหน่วยเป็นไปตามคาด

JASIF รายงานขาดทุนสุทธิไตรมาส 4/65 ที่ 791 ล้านบาท (พลิกกลับจากกําไรสุทธิ 2.5 พันล้านบาทในไตรมาส 4/64 และ 1.42 พันล้านบาทในไตรมาส 3/65) หากไม่รวมผลขาดทุนที่ยังไม่ได้รับรู้จริงจากการตีมูลค่าสายใยแก้วนำแสงใหม่จํานวน 3 พันล้านบาทในไตรมาส 4/65 กำไรหลักในไตรมาสนี้อยู่ที่ 2.21 พันล้านบาท เติบโต 0.3% YoY แต่ลดลง 0.3% QoQ ทั้งนี้ ขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงในไตรมาส 4/65 ไม่ถูกนำมาคำนวณในการจ่ายเงินปันผลต่อหน่วย ผลประกอบการบรรทัดสุดท้ายต่ำกว่าที่เราคาดก่อนหน้าเป็นกำไรสุทธิ 2.2 พันล้านบาท เนื่องจากรายการพิเศษขาดทุนจากการประเมินมูลค่าสินทรัพย์ใหม่ที่ยังไม่รับรู้จริง (ซึ่งเราไม่ได้นำมารวมในประมาณการของเราก่อนหน้า) แต่กำาไรหลักตรงตามคาด ทั้งนี้บริษัทประกาศเงินปันผลต่อหน่วยในไตรมาส 4/65 ที่ 0.23 บาท/หน่วย หรือคิดเป็นอัตราการจ่ายเงินปันผลที่ 83.3% (ของกําไรหลัก) ซึ่งตรงกับที่เราคาดก่อนหน้า

ประเด็นสําคัญจากผลประกอบการ

กําไรหลักที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย YoY เนื่องจากอัตราค่าเช่าที่เพิ่มขึ้น 1.23% ซึ่งไปอิงกับอัตราเงินเฟ้อในปี 2564 ที่ 1.23% และค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานที่ลดลง ซึ่งกลบค่าใช้จ่ายด้านกองทุนที่เพิ่มขึ้นและค่าใช้จ่ายอื่นๆ ที่ไม่ได้เกิดขึ้น จากการดำเนินงานที่เพิ่มขึ้น

รายได้ค่าเช่าอยู่ที่ 2.57 พันล้านบาทเพิ่มขึ้น 1.2% YoY (จากอัตราค่าเช่าที่ปรับเพิ่มขึ้น 1.23%) และทรงตัว QoQ ค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานรวมในไตรมาสนี้เพิ่มขึ้น 5% YoY (เนื่องจากค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและค่าสิทธิแห่งทางที่เพิ่มขึ้น) แต่ลดลง 17% QoQ (เนื่องจากค่าสิทธิแห่งทางที่ลดลง เนื่องจากการกลับรายการค่าใช้สิทธิแห่งทางที่บันทึกสูงเกินซึ่งเกิดขึ้นในช่วงไตรมาสก่อนหน้า) ค่าใช้จ่ายด้านกองทุนรวมเพิ่มขึ้น 24% YoY และ 35% QoQ (เนื่องจากค่าธรรมเนียมวิชาชีพที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติ)

แนวโน้ม

อัตราเงินเฟ้อปีที่ผ่านมา ซึ่งถูกนำไปใช้กับการเติบโตของอัตราค่าเช่าในปีนี้ ซึ่งจะต้องไม่เกิน 3% และไม่ต่ำกว่า 0% เนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 6.1% ในปี 2565 อัตราการเติบโต 3% จะถูกนำไปใช้กับอัตราค่าเช่าเฉลี่ยสําหรับในปี 2566 และสําหรับในไตรมาส 1/66 เราประมาณการรายได้ค่าเช่าที่ 2.64 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% ทั้ง YoY และ QoQ และเราคาดกำไรหลักที่ 2.26 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% ทั้ง YoY และ QoQ เราประมาณการเงินปันผลต่อ หน่วยที่ 0.23-0.24 บาท/หน่วยในไตรมาส 1/66

สิ่งที่เปลี่ยนแปลง

เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิและกำไรหลักในปี 2566 ไว้เท่าเดิมไม่เปลี่ยนแปลงที่ 9.06 พันล้านบาท และ 9.08 พันล้านบาท ตามลำดับ อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์เหล่านี้ยังคงอยู่บนสมมติฐานของอัตราเงินเฟ้อที่ 0.5% ในปี 2566 เรามองว่าอาจมีอัพไซด์ในอนาคตต่อประมาณการปัจจุบันของเราในปี 2566 หากการเติบโตของอัตราค่าเช่าถูกปรับจาก 0.5% ไปเป็น 3% ในปี 2566 ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ค่าเช่าปี 2566 เพิ่มขึ้นอีก 1.5% (ไปเป็น 1.05 หมื่นล้านบาท) และกำไรสุทธิปี 2566 เพิ่มขึ้นอีก 1.6% (ไปเป็น 9.21 พันล้านบาท) และถ้าหากว่าใช้สมมติอัตราค่าเช่าเติบโต 3% ในปี 2566 และ 0.5% ในปี 2567 และในปีต่อไป ราคาเป้าหมายด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสด (DCF) ของเราจะปรับเพิ่มขึ้นอีก 2.6% (ไปเป็น 8.6 บาท)

คำแนะนำ

แม้จะมีความเสี่ยงที่คาดการณ์ได้หลังจากเดือนก.พ. 2569 สำหรับสัญญาประกันรายได้เดิมที่ 0.196 ล้าน คอร์กม.(สิ้นสุดวันที่ 22 ก.พ. 2569) และหลังเดือนม.ค.2575 สำหรับสัญญาเช่าหลักสองฉบับจำนวน 1.34 ล้านคอร์กม. (สิ้นสุดวันที่ 29 ม.ค. 2575) และสัญญาเพิ่มเติม สัญญาประกันรายได้ 0.14 ล้านคอร์กม. (สิ้นสุด 29 ม.ค. 2575) เรายังคงคำแนะนำ “ถือ” JASIF เพื่อรอรับอัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่สูงมากที่ 10-11% อย่างน้อยก็ในอีก 2 ปีข้างหน้า (2566-2568) ซึ่งทุกเงื่อนไขของสัญญาเช่าจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลง

- Advertisement -