บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง: 

TPI Polene (TPIPL TB) 4Q65 ลดลง แต่ปี 2565 ทำสถิติ ผู้บริหารให้มุมมองบวก

คงประมาณการ หุ้นมีมูลค่าถูก คงแนะนำ ซื้อ

กำไรปกติ 4Q65 ลดลงเหลือ 916 ล้านบาท (-39%YoY) แต่รวมปี 2565 กำไรปกติทำสถิติสูงสุดใหม่ถึง 6,570 ล้านบาท เติบโต 24% แนวโน้มปี 2566 ผู้บริหารมีมุมมองในด้านบวกจะสามารถรักษาระดับ EBITDA ในระดับสูงนี้ไว้ได้ ในขณะที่เราคงประมาณการแบบอนุรักษ์นิยมคาดกำไร 4,520 ล้านบาท ลดลง 31% ราคาหุ้นซื้อขายบน P/E ที่ต่ำ 7.3 เท่า P/BV 0.6 เท่า คงประเมินราคาเป้าหมายปี 2566 เท่ากับ 2.50 บาท บนฐาน P/E 10 เท่า ให้ส่วนลดจากค่าเฉลี่ย 10 ปี Forward P/E ของกลุ่มวัสดุก่อสร้าง 14 เท่า จากคดีฟ้องร้อง คงแนะนำ ซื้อ

กำไร 4Q65 ลดลง แต่รวมปี 2565 ทำสถิติ

ผลประกอบการ 4Q65 ไม่สดใส มีกำไรสุทธิลดลงเหลือ 753 ล้านบาท (-63%QoQ, -50%YoY) ถ้าหักขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยนจะมีกำไรปกติ 916 ล้านบาท (-52%QoQ, -39%YoY) ผลประกอบการอ่อนตัวลดลงทั้งสามธุรกิจ คือ ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง ถูกกระทบจากต้นทุนถ่านหินและไฟฟ้าที่ปรับตัวสูงขึ้น ธุรกิจปิโตรเคมีถูกกระทบจากสเปรด EVA – Ethylene ที่อ่อนตัวลดลง และธุรกิจพลังงานถูกกระทบจากโรงไฟฟ้า TG3 และ TG5 adder หมดอายุ อย่างไรก็ตาม รวมปี 2565 มียอดขาย 48,133 ล้านบาท เติบโต 24%YoY และมีกำไรปกติ 6,570 ล้าน บาท เติบโต 24% ทำสถิติสูงสุดใหม่ แรงหนุนจากธุรกิจวัสดุก่อสร้างมีโครงการประหยัดต้นทุน และธุรกิจปิโตรเคมี เน้นผลิตภัณฑ์ที่มีมูลค่าสูง

ผู้บริหารให้มุมมองบวก EBITDA จะทรงตัวในระดับสูง

จากงานบริษัทจดทะเบียนพบผู้ลงทุน (20 ก.พ.) เมื่อวาน ผู้บริหารให้มุมมองในด้านบวก ผลประกอบการในรูป EBITDA จะสามารถรักษาระดับได้สูงต่อเนื่องจากปี 2565 ซึ่งเป็นระดับที่ทำสถิติสูงสุด 1.3 หมื่นล้านบาท จะได้แรงหนุนจาก 1) ธุรกิจวัสดุก่อสร้าง EBITDA จะเพิ่มเป็น 4.6 พันล้านบาท (+70%YoY) จากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพประหยัดค่าใช้จ่าย ยอดขายจะเติบโตตามภาคการก่อสร้าง และมีการปรับราคาขึ้น 2) ธุรกิจพลังงาน คาด EBITDA จะเพิ่มเป็น 5.2 พันล้านบาท (+33%YoY) ได้แรงหนุนจากค่า Ft ที่ปีนี้จะสูงขึ้น และการใช้เชื้อเพลิง ขยะทดแทนถ่านหินช่วยประหยัดต้นทุน ส่วน 3) ธุรกิจปิโตรเคมี คาด EBITDA จะลดลงเหลือ 3.6 พันล้านบาท (-45%YoY) เนื่องจากสเปรด EVA – Ethylene ปีนี้จะลดลงเหลือ 1,000 เหรียญ/ตัน จากปี 2564-65 ที่มีสเปรด 1,300-1,600 เหรียญ/ตัน

เราคงประมาณการแบบอนุรักษ์นิยม

เราคงประมาณการแบบอนุรักษ์นิยม และต่ำกว่าผู้บริหารมาก ประเมินยอดขาย 47,910 ล้านบาท ทรงตัว มี EBITDA 10,877 ล้านบาท ลดลง 15% และมีกำไร 4,520 ล้านบาท ลดลง 31% โดยผลประกอบการที่ลดลงจะถูกฉุดจากธุรกิจปิโตรเคมีที่มีสเปรดลดลง ส่วนธุรกิจวัสดุก่อสร้างคาดจะเติบโตดีขึ้นเล็กน้อย ในขณะที่พลังงานคาดจะอ่อนตัวลงเล็กน้อย

- Advertisement -