AMARC ผลงานปี 65 รายได้อยู่ที่ 263 ลบ. โต 7% ชงจ่ายปันผล 0.10 บาท/หุ้น ตอบแทนผู้ถือหุ้น ปี 66 ตั้งธงรายได้โต 10-15% หลังเปิดประเทศลูกค้าฐานใหญ่หนุนพอร์ต
บมจ.ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์และการเกษตรแห่งเอเซีย หรือ AMARC (เอมาร์ค) เปิดผลงานปี 65 มีกำไรอยู่ที่ 14.52 ลบ. รายได้อยู่ที่ 263.22 ลบ. เติบโต 7% จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยภาพรวมรายได้ปี 2565 ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 เศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัว งบประมาณจากภาครัฐลดลง ส่งผลกระทบต่อรายได้และกำไรของบริษัทฯ และเพื่อเป็นการตอบแทนผู้ถือหุ้น บอร์ดชงจ่ายปันผล 0.10 บาท/หุ้น กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) วันที่ 3 พ.ค.2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พ.ค.2566 เชื่อปี 66 หลังโควิดคลี่คลาย รัฐเปิดประเทศ ส่งผลดีต่อ AMARC ในฐานะศูนย์แล็ปมาตรฐานสากล สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยแผนธุรกิจในปี 2566 เชื่อว่ามีทิศทางการเติบโตที่ดี ตั้งธงรายได้ไว้ที่ 10-15%
ดร.ชินดนัย ไชยยอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศูนย์ห้องปฏิบัติการและวิจัยทางการแพทย์ และการเกษตรแห่งเอเซีย จำกัด (มหาชน) หรือ AMARC (เอมาร์ค) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯในปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการบริการรวม 263.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีการเติบโตในกลุ่มบริการตรวจวิเคราะห์ และบริการสอบเทียบ ในส่วนของบริการตรวจสอบและรับรองระบบมีรายได้ลดลง โดยภาพรวมรายได้ปี 2565 ยังคงได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด 19 เศรษฐกิจภายในประเทศชะลอตัว งบประมาณจากภาครัฐลดลง ซึ่งส่งผลกระทบต่อรายได้ของบริษัทฯ ทำให้เติบโตได้น้อยลงกว่าปีที่ผ่านมา
มีกำไรสุทธิสำหรับปี 2565 อยู่ที่ 14.52 ล้านบาท ลดลงจากปีที่ผ่านมา 41.6% อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาจากผลประกอบการธุรกิจปกติ บริษัทจะมีกำไรสุทธิสำหรับปีดำเนินงานก่อนค่าใช้จ่ายพิเศษที่เกิดขึ้นเฉพาะเหตุการณ์ (One time) จำนวน 21.80 ล้านบาท โดยมีอัตราการทำกำไรสุทธิ 8.3% ซึ่งเป็นผลจากการเพิ่มขึ้นของต้นทุนบริการและค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร และภาพรวมการเติบโตของธุรกิจที่ยังชะลอตัว
“ในปี 2565 บริษัทฯ มีกำไรขั้นต้น 105.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.1% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ด้วยผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาสารเคมีและวัสดุสิ้นเปลือง การเพิ่มจำนวนนักวิทยาศาสตร์เพื่อเตรียมพร้อมรองรับการขยายงานตามแผนดำเนินการ รวมถึงการเพิ่มขึ้นของค่าเสื่อมราคาจากทรัพย์สินประกอบการที่ลงทุนมากขึ้น ในขณะที่รายได้ยังไม่เติบโตมาก Economy of Scale จึงลดลง” ดร.ชินดนัย กล่าว
ทั้งนี้ เพื่อสะท้อนความเชื่อมั่น และตอบแทนผู้ถือหุ้น ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ มีมติให้เสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติจ่ายเงินปันผล สำหรับผลการดำเนินงานงวดปี 2565 ให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ จากผลกำไรสุทธิสำหรับปีหลังหักสำรองตามกฎหมาย ในอัตราหุ้นละ 0.02 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 8,400,000 บาท และจ่ายเงินปันผลพิเศษจากกำไรสะสม ณ 31 ธันวาคม 2565 ของบริษัทฯ ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.08 บาท คิดเป็นจำนวนเงิน 33,600,000 บาท ซึ่งเป็นการจ่ายจากกำไรสุทธิ ส่วนที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุน (BOI) ทั้งจำนวน รวมเป็นเงินปันผลจ่ายในอัตราหุ้นละ 0.10 บาท กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิรับเงินปันผล (Record date) วันที่ 3 พฤษภาคม 2566 และกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 19 พฤษภาคม 2566
ส่วนแนวโน้มธุรกิจในปี 2566 เชื่อว่ามีแนวโน้มเติบโตที่ดี โดยบริษัทตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 10-15% คาดว่ารายได้จะกลับมาเติบโตใกล้เคียงกับการเติบโตในช่วงก่อนการระบาดของโควิด หลังมีการเปิดประเทศ หนุนการส่งออก การท่องเที่ยวคึกคัก ทำให้มีการลงทุนช่วยให้ภาพรวมเศรษฐกิจฟื้นตัว ส่งผลดีต่อ AMARC ในฐานะศูนย์แล็ปมาตรฐานสากล สร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ สนับสนุนให้ความสามารถในการสร้างรายได้และกำไรของ AMARC สูงขึ้น และภายหลังจากเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ในเดือนตุลาคม ปี 2565 ที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มีความพร้อมและมีศักยภาพในการแข่งขันสูงขึ้น สามารถลงทุนในเครื่องมือวิทยาศาสตร์ และทีมบุคลากรรองรับงานโครงการขนาดใหญ่ และการขยายตัวในส่วนภูมิภาค ซึ่งจะช่วยสนับสนุนความสามารถในการสร้างรายได้ และกำไรในอนาคตให้เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
“บริษัทฯ มั่นใจว่าภาพรวมอุตสาหกรรมยังขยายตัวได้อีกมาก โดยจะนำจุดเด่นของ AMARC ที่โดดเด่นในด้านความมั่นคงและชื่อเสียงจากการเป็นผู้ให้บริการทางวิทยาศาสตร์มายาวนานกว่า 19 ปี มีวัตถุประสงค์ที่จะช่วยทำให้สินค้าเกษตรและอาหารของประเทศไทยได้รับการควบคุมคุณภาพ เพื่อร่วมสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้กับผู้บริโภคทั้งในประเทศและต่างประเทศ วางกลยุทธ์ที่มุ่งสู่การเป็นผู้ให้บริการทดสอบ ตรวจสอบ และรับรอง แบบ Comprehensive Supply Chain Service สำหรับอุตสาหกรรมเกษตรและอาหาร ทำให้บริษัทฯ ได้รับความไว้วางใจในการเป็นผู้ให้บริการจากลูกค้า” ดร.ชินดนัย กล่าว