บล.หยวนต้า (ประเทศไทย):
Action BUY (Upgrade)
TP upside (downside) +19.8%
Close Feb 21, 2023 Price (THB) 19.20
12M Target (THB) 23.00
Previous Target (THB) 16.50
What’s new?
- เราเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์และมีมุมมองเชิงบวก โดยอัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจยางมะตอยในช่วง 1Q-2Q66 มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูง
- ผู้บริหารวางเป้าหมายปริมาณขายยางมะตอยในปี 2566 ที่ระดับ 1.3 ล้านตัน หลังอุปสงค์ฟื้นตัวและบริษัทฯ สามารถผลิตยางมะตอยได้อย่างต่อเนื่อง
- บริษัทฯ ได้มีการส่งน้ำมันดิบจากโคลอมเบียเพื่อนำมาทดลองผลิตยางมะตอย โดยในกรณีที่การทดสอบมีผลลัพธ์เชิงบวก บริษัทฯ จะมีการสั่งซื้อน้ำมันดิบจากแหล่งดังกล่าวเข้ามาเพิ่มเติม รวมถึงมีโอกาสทำสัญญาซื้อขายระยะยาว
Our view
- ปรับประมาณการ 2566 ขึ้นเป็น 2,680 ล้านบาท หลังปริมาณขายยางมะตอยมีดอกาสเติบโต YoY จาก Pent-up demand อัตรากำไรขั้นต้นมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูง
- ปรับประมาณการปี 2567 ขึ้นเป็น 2,277 ล้านบาท หลังบริษัทฯ เริ่มใช้น้ำมันดิบจากแหล่งใหม่ในการผลิตยางมะตอย (ต้นทุนในการผลิตต่อหน่วยถูกลง)
- ปรับราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 ขึ้นเป็น 23.00 บาท/หุ้น แม้ราคาหุ้นจะปรับตัวขึ้น +13% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา แต่ราคาปัจจุบันซื้อขายอยู่บน PER2566 เพียง 11.3 เท่า และ Dividend Yield ปี 2566 ในระดับ 6.5% จึงปรับคําแนะนําขึ้นเป็น “ซื้อ”
TIPCO ASPHALT ธุรกิจกลับมาแข็งแกร่ง หลังอุปสรรคคลี่คลาย
อัตรากำไรขั้นต้นมีโอกาสทรงตัวในระดับสูงต่อเนื่องไปจนถึง 2Q66
วานนี้ (21 ก.พ.) เราเข้าร่วมการประชุมนักวิเคราะห์ และมุมมองเชิงบวก โดยผู้บริหารมีการให้ข้อมูลว่า อัตรากำไรขั้นต้นของธุรกิจยางมะตอยในช่วง 1Q66-2Q66 มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับ 18-20% (เทียบกับระดับ 10% ในช่วง 1H65) เนื่องจาก 1) ราคาขายยางมะตอยที่ยังมีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูง จากระดับอุปสงค์ในเอเชียที่ฟื้นตัว (ผลจาก Pent-up demand หลังสถานการณ์ COVID-19 คลี่คลาย) และอุปทานสำหรับการขนส่งน้ำมันระหว่างประเทศที่ตึงตัว (บริษัทฯ ได้รับผลกระทบจำกัด เนื่องจากมีเรือสำหรับขนส่งยางมะตอยภายในกลุ่มฯ) และ 2) ต้นทุนน้ำมันดิบที่มีแนวโน้มทรงตัว หลังสถานการณ์ระหว่างรัสเซีย-ยูเครนเริ่มมีเสถียรภาพ นอกจากนี้ผู้บริหารได้มีการวางเป้าหมายปริมาณขายยางมะตอยในปี 2566 ที่ 1.3 ล้านตัน (+10% YoY) หลังอุปสงค์ฟื้นตัวและบริษัทฯ สามารถจัดหา Feedstock ได้ในราคาที่คุ้มทุน และกลับมาผลิตยางมะตอยอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯวางเป้าหมายการสั่งซื้อ Feedstock เข้ามา 4 Cargo ในปี 2566 (ปัจจุบันบริษัทฯ มี Feedstock เพียงพอสำหรับการผลิตจนถึงสิ้นเดือน พ.ค. เป็นอย่างน้อย)
ทดลองสั่งซื้อน้ำมันดิบจากแหล่งใหม่ เพื่อหา Supplier ในระยะยาว
TASCO ได้มีการสั่งซื้อน้ำมันดิบชนิดหนัก (มีปริมาณกำมะถันสูง) จากประเทศโคลอมเบีย (Colombia) จำนวน 1 Cargo (ได้รับในเดือน ก.พ.) เพื่อนำมาทดลองผลิตยางมะตอย โดยน้ำมันดิบจากแหล่งดังกล่าวมี Yield ยางมะตอยู่ในระดับ 57-60% เทียบกับน้ำมันดิบจากเวเนซุเอลาที่ระดับ 71-72% และ Feedstock แบบ Residual (ที่บริษัทฯ ใช้ผลิตในปี 2565) ที่ 50-55% ซึ่งจะทำให้ต้นทุนต่อหน่วยของยางมะตอยลดลง YoY (หนุนการฟื้นตัวของอัตรากำไรขั้นต้น) โดยในกรณีที่การทดสอบดังกล่าวมีผลลัพธ์เชิงบวก บริษัทฯ จะมีการส่งน้ำมันดิบจากแหล่งดังกล่าวเข้ามาเพิ่มเติมราว 1-2 Cargo รวมถึงมีโอกาสทำสัญญาซื้อขายในระยะยาวเพื่อลดความเสี่ยงด้าน Supply
ปรับประมาณการปี 2566-67 ขึ้น
เราปรับประมาณการปี 2566 ขึ้น 57% เป็น 2,680 ล้านบาท (+4% YoY) จากการปรับสมมติฐานปริมาณขายยางมะตอยในปี 2566 ขึ้นเป็น 1.3 ล้านตัน (เดิม 1.2 ล้านตัน) หลังรัฐบาลมีการอนุมัติงบประมาณซ่อมบำรุงถนนราว 3 พันล้านบาทในปี 2566 (ทำให้มีงานซ่อมบำรุงถนนมากขึ้น) และปรับอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นเป็น 15.0% (เดิม 11.3%) เพื่อสะท้อนอัตรากำไรขั้นต้นที่มีแนวโน้มทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องไป จนถึง 2Q66 และปรับประมาณการปี 2567 ขึ้น 27% เป็น 2,277 ล้านบาท (-15% YoY) จากการปรับสมมติฐานอัตรากำไรขั้นต้นขึ้นเป็น 13.6% จากเดิม 11.6% จากการเริ่มใช้นํ้ามันดิบจากแหล่งใหม่ในการผลิตยางมะตอย
ปรับราคาเหมาะสมขึ้นเป็น 23.00 บาท/หุ้น แนะนำ “ซื้อ”
ผลจากการปรับประมาณการและการปรับไปใช้ PER ในการประเมินมูลค่าที่ 13.5 เท่า (ค่าเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปี +0.5SD) ส่งผลให้ราคาเหมาะสม ณ สิ้นปี 2566 เพิ่มขึ้นเป็น 23.00 บาท/หุ้น แม้ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมา +13% แต่ราคาหุ้นยังถือว่าไม่แพง โดยซื้อขายอยู่บน PER2566 เพียง 11.3 เท่า และให้ Dividend Yield ปี 2566 ในระดับ 6.5% จึงปรับคำแนะนำจาก “TRADING” ขึ้นเป็น “ซื้อ”
ความเสี่ยงที่สำคัญ – การเลือกตั้งอาจส่งผลให้การอนุมัติงบประมาณสำหรับปีงบประมาณ 2567 ล่าช้า และทำให้ปริมาณความต้องการใช้ยางมะตอยในช่วง 4Q66-1Q67 น้อยกว่าที่คาด