บล.ทรีนีตี้:
STARFLEX – สตาร์เฟล็กซ์ (SFLEX)
ซื้อ ราคาเป้าหมาย 5.25 บาท, Upside/Downside +40%, Median Consensus – บาท
บริษัทประกาศกำไร 4Q65 ตามคาด Margin ปรับดีขึ้น 246 bps YoY, 441 bps QoQ มองแนวโน้ม Margin ขยายตัวต่อเนื่องในปี 66
- บริษัทประกาศกำไร 4Q65 อยู่ที่ 33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น YoY และ QoQ จากต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลง และการทยอยปรับราคาขาย
- กำไรปี 65 ของบริษัทอยู่ที่ 55 ล้านบาท -63.1% YoY จากราคาวัตถุดิบที่ปรับขึ้นตามราคาน้ำมัน
- ประเมินแนวโน้มกำไร 1H66 จะยังดีต่อเนื่อง โดย Margin จะยังอยู่ระดับที่ 20% จากต้นทุนฟิล์มสำเร็จรูปที่อยู่ในระดับ
- ปี 2566 มีโอกาสกำไรทำ New high โดย GPM ขยายตัวกลับเข้าใกล้ระดับปกติ ยอดขายมีแนวโน้มดีขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของลูกค้า และ demand สินค้าของลูกค้าเก่าเริ่มกลับมา หลังจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัว
- New journey มี Upside จากการทำ M&A ประเทศเวียดนาม
- คำแนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 5.25 บาทต่อหุ้น (อิง PE 25 เท่า) เป็นการ เติบโตจาก Organic Growth และยังมี upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการปัจจุบัน จากการเข้าไปลงทุนในเวียดนาม โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนช่วง 2H66
Earning Review: กำไร 4Q65 ฟื้นตัวเด่น ต้นทุนลด กำไรเพิ่ม
- SFLEX รายงานกำไร 4Q65 ที่ 33 ล้านบาท +15.3% YoY, +570% QoQ จากต้นทุนวัตถุดิบปรับตัวลดลง และการเปลี่ยนกลยุทธ์มาเน้นขายสินค้าที่ให้ margin สูง ซึ่งเป็นกลุ่ม Non Food ที่บริษัทมีความถนัด และเชี่ยวชาญ
- gross margin ขยายตัวมาอยู่ที่ 15.3% (12.8% ใน 4Q64 และ 10.8% ใน 3Q65) จาก ราคาวัตถุดิบหลักอย่างฟิล์มสำเร็จรูปที่ปรับตัวลดลง โดยราคา Film LLDPE ปรับลดลง กว่า 25%YoY และ 2% QoQ โดยปกติบริษัทมีการ stock วัตถุดิบประมาณ 2-3 เดือน ดังนั้นตั้งแต่ 4Q65 จะเริ่มเป็นวัตถุดิบที่มีต้นทุนต่ำ
1H66 คาดกำไรยังดีต่อ Stock วัตถุดิบต้นทุนต่ำพร้อม
- ประเมินแนวโน้มกำไร 1H66 จะยังดีต่อเนื่อง โดย Margin จะยังอยู่ระดับที่ 20% จากต้นทุนฟิล์มสำเร็จรูปที่อยู่ในระดับต่ำ เพราะบริษัทได้มีการ Stock ไว้อย่างน้อย 6 เดือน คาด 2566 กำไร New High ประมาณการกำไรปี 2566 ราว 188 ล้านบาท คิดเป็น EPS ที่ 0.21 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย CAGR ปี 2565-2567 ราว 20% ต่อปี จากรายได้ที่เติบโตต่อเนื่อง ขณะที่มองว่าอัตรากำไรฟื้นตัวมาอยู่ในระดับปกติ New Journey
- คาดว่าจะมี M&A ในช่วง 2Q66 โดยบริษัทจะไปลงทุนในเวียดนาม ซึ่งนับว่าเป็นตลาดที่มีศักยภาพ และมีการเติบโตของการใช้ packaging คอยข้างสูง นอกจากนี้ฐานลูกค้ายังเป็นฐานลูกค้าในกลุ่มเดียวกัน บริษัทสามารถนำเสนอผลิตภัณฑ์ที่เป็น Flexible packaging ที่เป็นจุดแข็งของบริษัทได้ทันที นอกจากนี้ต้นทุนฟิล์มสำเร็จรูปของประเทศเวียดนามค่อนข้างต่ำซึ่งจะช่วยให้บริษัทมี Margin ที่สูงขึ้น
แนะนำ “ซื้อ” ราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 5.25 บาท
แนะนำ “ซื้อ” ที่ราคาเป้าหมาย 5.25 บาทต่อหุ้น (อิง PE 25 เทา) เป็นการเติบโตจาก Organic Growth และยังมี upside ที่ยังไม่รวมในประมาณการปัจจุบัน จากการเข้าไปลงทุนในเวียดนาม โดยคาดว่าจะเห็นความชัดเจนช่วง 2H66
ความเสี่ยง: การเปลี่ยนแปลงของราคาต้นทุนวัตถุดิบ, ต้นทุนจากการผลิตสินค้าใหม่