Our View? “ลุ้น PCE ต่อ”

คาดตลาดวันนี้ “Sideways” มองแนวรับที่บริเวณ 1,650 / 1,642 และแนวต้านที่บริเวณ 1,660 / 1,670 คาดจะได้รับจิตวิทยาเชิงบวกจากตลาดต่างประเทศ หลังจากกระทรวงพาณิชย์ของสหรัฐเปิดเผยตัวเลขประมาณการ GDP 4Q’65 ครั้งที่ 2 ออกมาลดลงเหลือ +2.7% QoQ ต่ำกว่าการประมาณการก่อนหน้าที่อยู่ที่ระดับ +2.9% QoQ จากการปรับลดตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคลง สะท้อนแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐลดความแข็งแกร่งลงบ้าง ซึ่งอาจจะส่งผลให้ FED พิจารณาในการชะลอการขึ้นดอกเบี้ย เป็นปัจจัยระยะสั้นหนุนทิศทางราคาสินทรัพย์เสี่ยงฟื้นตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม เรายังมองเศรษฐกิจสหรัฐยังมีความแข็งแกร่งอยู่มาก และหากพิจารณาในด้านตลาดแรงงานจากตัวเลขตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์เมื่อวานนี้ออกมาอยู่ที่ระดับ 1.92 แสนราย ลดลงต่อเนื่องและต่ำกว่าที่ตลาดคาดไว้ บ่งชี้ตลาดแรงงานสหรัฐยังคงตึงตัว ขณะที่คาดการณ์การรายงานตัวเลขดัชนีราคาจากรายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือน ม.ค. ในค่ำคืนนี้ที่คาดว่าจะออกมาอยู่ที่ระดับ 5.0% YoY และ 0.5% MoM ซึ่งถือเป็นตัวเลขเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูง และลดลงช้ากว่าที่ตลาดประเมินไว้ คาดความกังวลเกี่ยวกับการเร่งขึ้นดอกเบี้ยของ FED อาจกลับมาเป็นปัจจัยลบกดดันตลาดได้อีกครั้ง

ทางด้านราคาสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้า WTI. ส่งมอบเดือน พ.ศ. เมื่อคืนนี้เริ่มพยายามฟื้นตัวกลับขึ้นบ้าง ปิดที่ระดับ 75.39 ดอลลาร์/บาร์เรล +1.44 ดอลลาร์ (+1.95%) คาดจากการที่รัสเซียประกาศจะลดการส่งออกน้ำมันจากท่าเรือตะวันตกราว 25% ในเดือน มี.ค. ส่งผลให้อุปทานน้ำมันดิบค่อนข้างตึงตัวบ้างในระยะสั้น คาดจะกระตุ้นหุ้นในกลุ่มพลังงานรีบาวด์ได้บ้างในระยะสั้น

สำหรับปัจจัยในประเทศเรายังคงมีความกังวลต่อทิศทางกระแสเงินทุนต่างชาติที่ขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่อง ตามกลับมาอ่อนค่าของค่าเงินบาทในระยะสั้น รวมทั้งการรายงานผลประกอบการ 4Q′65 ของตลาดหุ้นไทยที่ส่วนใหญ่ออกมาแย่กว่าที่ตลาดคาดไว้ คาดจะกดดันทิศทาง EPS ของตลาดในปีนี้ลดลง เป็นปัจจัยกดดัน จำกัด Upside ของตลาดหุ้นไทยได้อยู่ โดยในเดือน ก.พ. นี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิตลาดหุ้นไทยไปกว่า 3.26 หมื่นล้านบาท และทำธุรกรรมฝั่ง Short SET50 Index Futures ไปกว่า 8.94 หมื่นสัญญา คาดจะเป็นปัจจัยหลักกดดันทิศทางตลาดหุ้นไทยได้อยู่

อย่างไรก็ตาม เราแนะนำทยอยซื้อสะสมหุ้นในบางกลุ่ม ที่ถึงแม้ผลประกอบการออกมาแย่กว่าคาด แต่มีโอกาสฟื้นตัวขึ้นได้ต่อในปีนี้ อาทิ 1.) หุ้นในกลุ่มโรงไฟฟ้า (GPSC, BGRIM และ GULF) และ 2). หุ้นในกลุ่มธนาคาร (KBANK, BBL และ SCB) 3.) กลุ่มปิโตรเคมี (SCC, PTTGC และ IVL) เรามองราคาอ่อนตัวลงรับรู้การรายงานผลประกอบการ 4Q65 ไปบ้างแล้วในระดับหนึ่ง รวมทั้งเรายังคงมุมมองเชิงบวกต่อการที่นายกฯ ส่งสัญญาณถึงการยุบสภาฯ ในช่วงเดือน มี.ค. เพื่อเตรียมพร้อมในการเลือกตั้งใหญ่ก่อนวันที่ 7 พ.ค. คาดจะกระตุ้นแรงเก็งกำไรในหุ้นในธีม Election Play อาทิ STEC, CK, SEAFCO, MAKRO, CPALL, BJC และ TKS

ธีมการลงทุน “Selective Play”

หุ้นแนะน่าวันนี้ “STEC”

กลยุทธ์ แนวรับ 13.30 / 13.00 Target 14.50 / 15.50 Stop <12.80

- Advertisement -