บล.ฟิลลิป
PTG: ผลการดำเนินงานออกมาดีกว่าคาด
ซื้อ TP’66: 18.00
แม้ผลการดำเนินงาน 4Q65 จะอ่อนตัวลง แต่ทางฝ่ายคาดว่าผลการดำเนินงานใน 1Q66 จะสามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรได้ เนื่องจากการปรับค่าการตลาดให้กลับสู่ภาวะปกติ ซึ่ง PTG เป็นบริษัทที่ได้ประโยชน์สูงสุด เนื่องจากมีสัดส่วนการขายน้ำมันดีเซลสูงถึง 73% ทางฝ่ายยังคงคําแนะนำ “ซื้อ”
- ผลการดำเนินงาน 4Q65 อ่อนตัว ดีกว่าคาด: ผลการดำเนินงาน 4Q65 ออกมาดีกว่าคาด อยู่ที่ -4 ลบ. เนื่องจากปริมาณการขายน้ำมันที่สูงกว่าคาด และธุรกิจ Non-oil ในส่วนของธุรกิจอื่นๆ มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าคาด แม้ธุรกิจน้ำมันจะมีปริมาณการขายที่ปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 1,407 ล้านลิตร จากเดิม 1,278 ล้านลิตร ใน 3Q65 จากการเข้าสู่ high season และการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัว แต่ผลการดำเนินงานถูกกดดันจากค่าการตลาดที่อ่อนตัวลงอยู่ที่ 1.58 บาท/ลิตร จากเดิม 1.99 บาท/ลิตร ใน 3Q65 ขณะที่ธุรกิจ Non-oil มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 651 ลบ. ปรับตัวดีขึ้นจากเดิม 582 ลบ. ใน 3Q65 โดยหลักมาจากธุรกิจอื่นๆ เช่น Max mart, Maxnitron และ Autobacs มีผลการดำเนินงานที่ปรับตัวดีขึ้น ขณะที่ธุรกิจ LPG แม้จะมีปริมาณการขายอยู่ที่ 138 ล้านลิตร +4.5% q-q แต่ถูกกดดันจากค่าการตลาดที่อ่อนตัวลง ส่งผลให้มีกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 276 ลบ. -2.8% q-q ประกอบกับราคา CPO ที่อ่อนตัวลง q-q ส่งผลให้ PTG ยังคงมีการรับรู้ส่วนแบ่งขาดทุนจากเงินลงทุนอยู่ที่ 66 ลบ. นอกจากนี้ผลการดำเนินงานยังถูกกดจาก SG&A ที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง 1Q65 โดยใน 4Q65 อยู่ที่ 2,582 ลบ. หรือคิดเป็น 1.84 บาท/ลิตร ซึ่งมีค่าสูงกว่าค่าการตลาดอยู่ที่ 0.25 บาท/ลิตร ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 0.02 บาท/ลิตร ใน 3Q65 (ค่าการตลาด 3Q65 = 1.99 บาท/ลิตร SG&A 3Q65 = 2.01 บาท/ลิตร)